เด็กกับการเรียนรู้ผ่านการเล่นเป็นของคู่กันเสมอ ซึ่งการเล่นของเด็ก ดูเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อเด็กเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเล่นด้วยวิธีใดก็ตาม ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกน้อยของคุณได้ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของลูกทั้งสิ้น ในแต่ละวัยจะมีการเล่นที่แตกต่างกัน เนื่องจากความพร้อมทางร่างกายและระดับพัฒนาการของสมองต่างกัน ซึ่งมีความสำคัญมากหากพ่อแม่เข้าใจว่าในแต่ละวัยเหมาะที่จะเล่นอะไร เพื่อจะได้ช่วยสนับสนุนส่งเสริมได้อย่างถูกต้อง
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ครั้งแรกของประเทศไทยกับโซไซตี้ใหม่ “Thai Stemlife Family Club” พร้อมงานเสวนาในหัวข้อ “การพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ผ่านการเล่น” โดย แพทย์หญิงจุฑาทิพย์ ฟองศรัณย์ กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก ได้อธิบายเกี่ยวกับการเรียนรู้ผ่านการเล่นว่า การกระตุ้นพัฒนาการของเด็กเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะตั้งแต่แรกเกิดเด็กจะมีสมองเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่อีก 50 เปอร์เซ็นต์ต้องมากระตุ้นที่ด้านนอก ซึ่งในการกระตุ้นเซลล์สมองนั้นมีหลายทางและต้องกระตุ้นทุกระบบประกอบกัน อาทิ การหยิบจับ หรือ การเขียน เป็นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การเดินการทรงตัวเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ ซึ่งคุณหมอยังกล่าวอีกว่าในช่วงวัยแรกเกิดถึง 1 ปี ควรเสริมพัฒนาการลูกด้วยกิจกรรมที่เน้นด้านการมช่อง การฟัง และการสัมผัส อย่างการอ่านหนังสือ การเล่านิทาน และชี้ชวนให้ดูสิ่งต่างๆ ช่วงวัย 1-2 ปี เน้นกิจกรรมที่พูดคุยกับลูก และหากิจกรรมที่ช่วยเสริมกล้ามเนื้อมัดเล็กอย่างการปั้นดินน้ำมัน หรือการวาดภาพระบายสี และหลังจากวัย 2 ปีขึ้นไปควรพาเด็กไปเรียนรู้กิจกรรมนอกสถานที่บ้าง เพื่อให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ และการเข้ากลุ่มในสังคม ทั้งนี้ คุณพ่อและคุณแม่ควรจะให้ความสำคัญและศึกษาเกี่ยวกับช่วงวัยของลูก ว่าแต่ละช่วงควรมีการกระตุ้นพัฒนาการแบบใด เพื่อให้กระตุ้นได้ถูกทางและจะทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีมาก การเล่นไม่มีรูปแบบที่ตายตัวแต่บางครั้งต้องดูอารมณ์ของเด็ก ควรจะเล่นหลังจากกินอิ่มใหม่ๆ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เด็กหงุดหงิดได้
ทางด้าน นายณัฐพร ยูประพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทย สเตมไลฟ์ จำกัด ธนาคารสเตมเซลล์เอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในปัจจุบันที่มีการเก็บและรับฝากสเตมเซลล์ทั้งจากเลือดในรกและสายสะดือและจากกระแสโลหิต กล่าวเสริมว่า “เพราะเรามองความต้องการลูกค้าเป็นสำคัญ จึงได้สร้างสังคมของ Thai StemLife Family ซึ่งถือเป็นสังคมใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย และถือเป็นการสร้างหน้าประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญสำหรับธุรกิจของธนาคารสเตมเซลล์ ซึ่งไม่เคยมีที่ใดจัดมาก่อน เป็น Thai StemLife Community ที่ไม่ได้เป็นแค่การเก็บ สเตมเซลล์ แต่เป็นการสร้างสังคมเพื่อให้ลูกค้าได้ความรู้ และเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก รวมทั้งได้พบกับกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับลูกของคุณ รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็น Thai StemLife Privilege Card ที่ทางบริษัทจะสรรหาร้านค้าที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกสามารถใช้ร่วมกันได้ นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคมอื่นๆ ซึ่งทางสมาชิกของ ไทย สเตมไลฟ์ ก็สามารถเข้าร่วมได้อีกด้วย” นายณัฐพรกล่าว
ซึ่งภายในงานนอกเหนือจากการเล่นเครื่องเล่นต่างๆ แล้ว ทาง บริษัท ไทย สเตมไลฟ์ จำกัด ยังมีกิจกรรมให้กับทางครอบครัวได้ร่วมสนุกอีก ด้วยการจัดซุ่มถ่ายภาพครอบครัว ไทย สเตมไลฟ์ อีกทั้งทีมผู้บริหารยังแต่งกายเป็นตัวแสดงในหนังเรื่องต่างๆ เช่น นักรบชาวโรมัน, สโนไวท์, ซุปเปอร์เกิร์ล ฮีโร่สาวพราวสเน่ห์ เป็นต้น เพื่อสร้างสีสันและความสนุกสนานให้กับเด็กๆ ที่มาร่วมงาน
ส่วนทางด้าน คุณพอลลีน ล่ำซำ คุณแม่คนสวยมือใหม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน กล่าวว่า นอกเหนือจากการเล่นกับลูกน้อยตั้งแต่ที่เริ่มลืมตาดูโลกแล้วนั้น การสัมผัสกับลูกน้อยตั้งแต่เมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มตั้งครรภ์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตั้งครรภ์ระยะสุดท้ายคือ 7-9 เดือน เราต้องช่วยเตรียมความพร้อมให้แก่ลูกเพื่อจะได้ลืมตาดูโลกได้อย่างไม่ต้องปรับสภาพมากจนเกินไป ดังนั้นในช่วงดังกล่าวกิจกรรมที่ควรทำกับลูกควรคือ การส่องไฟ การใช้น้ำแข็ง หรือน้ำเย็นลูบท้อง เป็นต้น เพราะในครรภ์ของมารดามีอุณหภูมิที่อุ่นมากคือ 37 องศา เพราะฉะนั้นกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเสริมพัฒนาการให้แก่ลูกได้เป็นอย่างมาก