ดร.มาร์ตินส์ ทุ่ม 7 ล้าน เปิดสแตนด์อโลนช็อปแห่งแรกในเมืองไทย

อังคาร ๒๙ พฤษภาคม ๒๐๑๒ ๑๑:๔๗
ดร.มาร์ตินส์ ทุ่ม 7 ล้าน เปิดสแตนด์อโลนช็อปแห่งแรกในเมืองไทยบนพื้นที่ 57 ตร.ม. ชั้น 1 โซนแฟชั่น เมกา บางนา รับปีที่ 7 ขยายฐานลูกค้าย่านปริมณฑลและกรุงเทพฝั่งตะวันออก เล็งขยายไลน์นำเข้ากระเป๋าเอาใจแฟนๆ พร้อมทุ่มอีก 5 ล้านบาท รุกกิจกรรมสื่อสารการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อขยายการรับรู้แบรนด์ คาดโตปีนี้อีกกว่า 20%

นางสุดา ทรงอุดมวัฒนา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โอ.ที.ที. ฟุตแวร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรองเท้า ดร.มาร์ตินส์ จากประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดสแตนด์อโลน ช็อป แห่งแรกในเมืองไทย ณ ชั้น 1 โซนแฟชั่น ศูนย์การค้าเมกา บางนา เพื่อขยายตลาดในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น

“เราได้ปรึกษากับบริษัทแม่ที่ประเทศอังกฤษว่าเราต้องการขยายแบรนด์และทำตลาดในประเทศไทยให้มากขึ้น ซึ่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมานั้นเรามีจุดขายอยู่ในห้าง (ดีพาร์ทเมนสโตร์) ทั้งหมด 15 แห่ง ซึ่งการตอบรับก็ค่อนข้างดี แต่ในแง่ของแบรนด์น่าจะมีจุดจำหน่ายที่สื่อถึงความเป็น ดร.มาร์ตินส์ ที่ชัดเจนมากขึ้น จึงตัดสินใจเปิดสแตนด์อโลน ช็อปแห่งแรก ที่เมกาบางนา เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพ ทั้งในความเป็นเพราะ โครงการขนาดใหญ่ มีศักยภาพในการดึงลูกค้าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยเพราะมีแม่เหล็กใหญ่ในสถานที่เดียวกัน ซึ่งทั้ง IKEA, Robinson, Big C, Mega Cineplex และ Homepro พร้อมกันนั้นเรามองว่าฐานลูกค้าส่วนหนึ่งของเราคือกลุ่มผู้ชายผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวและใกล้เคียง ที่จะทำให้ลูกค้าสามารถมาสัมผัสกับ แบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น”

สแตนด์อโลน ช็อป ดังกล่าว มีพื้นที่ 57 ตร.ม. โดยออกแบบและตกแต่งในคอนเซ็ปต์ที่ใกล้เคียงกับบริษัทแม่และทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการวางสินค้า การวางงานระบบ หรือแม้กระทั่งการตกแต่งผนังที่วัตถุดิบส่วนใหญ่สั่งตรงจากต่างประเทศเพื่อให้เป็นรูปแบบเดียวกัน โดยใช้งบประมาณในการออกแบบตกแต่ง จำนวน 2 ล้านบาท และงบประมาณต้นทุนของการสต๊อคสินค้านั้นอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาท

นางสุดา กล่าวเพิ่มเติมในแผนการตลาดของ ดร.มาร์ตินส์ว่า ในปีนี้จะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นจากแต่ละปี คือจากเดิม 3 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ให้คนรู้จัก ดร.มาร์ตินส์ ในวงกว้างอีกครั้ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำให้คนไทยกลับมาถามหา และพูดถึง ดร.มาร์ตินส์มากขึ้น ทั้งกลุ่มฐานลูกค้าเก่า และขยายฐานลูกค้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการลงโฆษณาในนิตยสารที่เข้าถึงกลุ่มป้าหมาย หรือการทำ Digital Marketing อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการเปิด Facebook official fanpage ของแบรนด์เป็นครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อจะรวบรวมลูกค้าและสร้าง community ขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับรองเท้าของเรา โดยเพียง 2 — 3 เดือน มีแฟนเพจมากถึงกว่า 4000 คน พร้อมกันนั้นยังมีกิจกรรมผ่าน facebook ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่น กิจกรรม Photo Contest ซึ่งมีจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากเกินที่คาดหมายไว้

“นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะทำตลาดกับผู้หญิงอย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่งภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เราจะเปิดจุดขายที่เป็นสินค้ารองเท้าผู้หญิงอย่างเดียว รวมไปถึง Line กระเป๋า ซึ่งในซีซั่น AW2012 นี้จะมีการนำเข้ากระเป๋าภายใต้แบรนด์ ดร.มาร์ตินส์ ให้คนไทยได้เลือกซื้ออย่างแน่นอน โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 7,000 — 11,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าแฟนของ ดร.มาร์ตินส์ จะให้การตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน” นางสุดากล่าวในตอนท้าย

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ดร.มาร์ตินส์ มีจำวางจำหน่ายทั้งสิ้น 16 แห่ง ทั่วประเทศ และสแตนด์อโลน ช็อป ที่ศูนย์การค้าเมกา บางนา เป็นแห่งล่าสุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2394-4379

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๒๙ โครงการ มูลนิธิยาเพื่อนยาก ครั้งที่ 17 สัญจรสู่พื้นที่ห่างไกล จ.น่าน มอบสิ่งของและเงินสนับสนุนสำหรับโรงเรียนบ่อเกลือ
๑๓:๒๐ ทำความเข้าใจ DNSSEC เสริมความปลอดภัยให้กับอินเทอร์เน็ต
๑๓:๕๘ ดูโฮม ผนึกกำลัง กฟผ. ส่งความสุขส่งท้ายปีเพื่อคนไทย มอบส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ผ่านแคมเปญ ฉลากเบอร์ 5 ด้วยรัก(ษ์)
๑๓:๕๔ จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ คาร์บอนเครดิตในประเทศไทย
๑๓:๓๕ สุดป่วน! เต๋อ-เต้ย-ชาย-เอิร์ธ สวมบทแก๊งแป๊ะยิ้ม เชิดเงินแจก ในละคร มือปราบกระทะรั่ว
๑๓:๕๑ กทม. เข้มจัดระเบียบขอทาน-คนไร้บ้านในกรุงเทพฯ ย้ำ หยุดให้ = หยุดขอทาน
๑๓:๐๒ กสิกรไทยครองตำแหน่งในดัชนี DJSI ต่อเนื่อง 9 ปีซ้อน แบงก์แรกของไทย
๑๑:๑๒ พราว กรุ๊ป จัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี 'Amazing Thailand Hua Hin Countdown 2025' พร้อมบิ๊กเซอร์ไพรส์คอนเสิร์ต คิม
๑๑:๐๑ ส่งท้ายปี 31 ธันวาคม 2567 ด้วยมื้ออาหารค่ำบุฟเฟ่ต์ New Year Eve นานาชาติ ณ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย แอนด์
๑๑:๒๓ SMC เผยความสำเร็จในการผลักดันอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่ 4.0 พร้อมเผยผลการสำรวจระดับความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศไทยปี