นายศุภชล นิธิวาสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด หรือ บีเอสทีอี เปิดเผยว่า “ทางบริษัทฯ จะรับผิดชอบดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ จึงหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนบีเอสทีอี ในวงเงิน 10 ล้านบาทขึ้นมา ทั้งนี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายเสนีย์ จิตตเกษม เห็นด้วยในหลักการ และได้แต่งตั้งให้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ว่าที่ร้อยตรี สุพีร์พัฒน์ จองพานิช เป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการพิจารณาเงินกองทุน บริษัทฯ จึงมีความมั่นใจว่า การพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองจะเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และดูแลผู้ได้รับผลกระทบได้อย่างทั่วถึง โดยบริษัทฯ หวังว่าการดำเนินการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจะเสร็จสิ้นโดยเร็ว”
คณะกรรมการกลั่นกรองคำขอรับความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเป็นประธาน มีตัวแทนจากทางภาคราชการ ภาคเอกชน และผู้แทนจากชุมชน แบ่งออกเป็น 2 คณะ คือ
1. คณะกรรมการกลั่นกรองคำขอรับความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ด้านทรัพย์สินและการประกอบอาชีพ
2. คณะกรรมการกลั่นกรองคำขอรับความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ด้านสุขภาพ
สรุปยอดผู้เสียชีวิตมีจำนวนทั้งสิ้น 11 ราย ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท 7 ราย และอีก 4 รายเป็นพนักงานของบริษัทผู้รับเหมา ยอดผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการเก็บรวบรวมรายชื่อผู้ที่เข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดระยอง พบว่ามีจำนวน 194 ราย ซึ่งข้อมูลตัวเลขนี้ ตรงกับข้อมูลของทางกรมตำรวจ
ที่ผ่านมาบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ได้เข้าไปดูแลครอบครัวของพนักงานที่เสียชีวิต และครอบครัวของพนักงานบริษัทรับเหมาเป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่บาดเจ็บ บริษัทฯ มีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด นอกจากนี้ ประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบ บ้านเรือน เสียหาย เช่น ฝ้าแตก กระจก แตก ทางบริษัทฯ ได้จ่ายเงินค่าซ่อมแซมบ้านให้ด้วย รวมถึงได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการตรวจสุขภาพให้กับชุมชนต่างๆ ตลอดทั้งเดือนพฤษภาคม รวมเงินที่ทางบริษัทฯให้การช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบไปแล้ว เป็นเงินประมาณ 17 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้รวมกับเงินกองทุนบีเอสทีอี 10 ล้านบาท ที่นำมามอบให้กับประธานคณะกรรมการกลั่นกรองในวันนี้
ด้านการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมนั้น บริษัทฯ ได้มอบหมายให้ บริษัท เอส.พี.เอส. คอนซัลติ้ง เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาสาขาสิ่งแวดล้อมและตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ดำเนินการตรวจวัดปริมาณสารโทลูอินที่ตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อมบริเวณโรงงานบีเอสทีอีและชุมชนโดยรอบ ปรากฎว่า พบว่ามีเพียงเล็กน้อย คือ 0.0027 พีพีเอ็มในอากาศ (ระหว่างวันที่ 7-14 พฤษภาคม)และน้อยกว่า 0.001 พีพีเอ็มในน้ำทะเล ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนกรณีหอยแมลงภู่ ทางบริษัท United Analyst and Engineering Consultant ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาและห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ ด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการจดทะเบียนห้องปฏิบัติการวิเคราะห์เอกชน จากกรมโรงงานอุตสาหกรรมและได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ผลการตรวจหอยแมลงภู่ ซึ่งเก็บตัวอย่างจากประมงตากวน อ่าวประดู่ ไม่พบสารปนเปื้อนชนิดใดเลย ที่เกินไปจากเกณฑ์มาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษ
นายศุภชล กล่าวเพิ่มเติมถึง การหาสาเหตุของเพลิงใหม้ในส่วนพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงงาน บีเอสทีอี ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ว่าอยู่ระหว่างการสืบสวนของกองพิสูจน์หลักฐาน คาดว่าจะทราบผลในเดือนมิถุนายนนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก (DuPont) เพื่อเข้ามาตรวจสอบกระบวนการปฎิบัติงานภายในโรงงาน และ เข้ามาช่วยวางมาตรการด้านความปลอดภัยให้รัดกุมขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท
บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด (บีเอสทีอี) เป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานสากล ได้รับใบรับรองมาตรฐานระบบประกันคุณภาพ ISO9001 ระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ISO14001 ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มอก.18001 ตลอดจนเข้าร่วมโครงการความรับผิดชอบของโรงงานอุตสาหกรรมต่อสังคม (Corporate Social Responsibility, Department of Industrial work: CSR-DIW) โดยดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักธรรมาภิบาล และคำนึงถึงชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม มาโดยตลอด ธุรกิจของบริษัทมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นผู้ผลิตยางสังเคราะห์ให้กับอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ พื้นรองเท้า ชิ้นส่วนอุตสาหกรรมพลาสติก อุปกรณ์กีฬา และผลิตภัณฑ์ยางต่างๆ