“รมช.ภูมิ”เผยหนุนเต็มสูบเข็นเป้าส่งออกโต 15 % ชี้ทางออกหาพันธมิตร เจาะตลาดใหม่ เปิดโครงการครึ่งปีหลังดันSME-รากฐานสู่AECและสากล

อังคาร ๐๕ มิถุนายน ๒๐๑๒ ๑๒:๑๔
“รมช.ภูมิ”เผยหนุนเต็มสูบเข็นเป้าส่งออกโต 15 % ชี้ทางออกหาพันธมิตร เจาะตลาดใหม่ เปิดโครงการครึ่งปีหลังดันSME-รากฐานสู่AECและสากล ที่ปรึกษาฯเยอรมันเล็งไทยทำฐานผลิตเกษตรศักยภาพสูง ดัน 3 หน่วยงานผนึกกำลังสร้างระบบเกษตรครบวงจร เชียร์ไทยติดเครื่องหมาย”แฟร์เทรด”

นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการส่งออกรายงานผลการประชุมทูตพาณิชย์ หรือหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ 65 แห่งทั่วโลกว่า ทูตพาณิชย์รับทราบนโยบายเพื่อจะเร่งผลักดันการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย 15% หรือ 2.63 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเน้นให้ส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออกสินค้าและบริการ การสร้างเครือข่ายพันธมิตร การหาตลาดใหม่ และการหาตลาดใหม่ในตลาดเดิม เป็นต้น ซึ่งในช่วง 8 เดือนนับจากเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ต้องเร่งทำการค้าให้ขยายตัวเฉลี่ยเดือนละ 20% หรือ ส่งออกเฉลี่ยราวเดือนละ 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

“กรมฯได้ไม่นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ยุโรป ซึ่งส่งสัญญามาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยบรรจุไว้ในกลยุทธ์ของกรมฯทั้งการจัดฝึกอบรมและพัฒนา นอกจากนี้ผู้ประกอบการของไทยต้องกำหนดแผนงานบุกเจาะตลาดอย่างรัดกุม และต้องมีแผนพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าไทยควบคู่กันไปด้วย ซึ่งในปีนี้มีถึงกว่า 10 โครงการหลักโดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการของไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันยอดการส่งออกให้เพิ่มมากขึ้น”นายภูมิ กล่าว

ทั้งนี้ทูตพาณิชย์จะกลับไปปรับปรุงแผนงาน เพื่อหาวิธีการ หรือ ลู่ทางการค้าใหม่ๆ ในการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น ฮาลาลออร์แกนิค รักสุขภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น หรือ เจาะตลาดเป็นรายประเทศ ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรก(ม.ค.-เม.ย.55) ของปีนี้มีศักยภาพขยายตัวเป็นที่น่าพอใจ เช่น อาเซียน ขยายตัว 8.6% คิดเป็นมูลค่า 18,359 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จีน 4.9% มูลค่า 8,550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ละตินอเมริกา 14.3% มูลค่า 2,450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แอฟริกา 8.4% มูลค่า 2,407 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อินเดีย 2.5% มูลค่า 1,779 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เกาหลีใต้ 4.5% มูลค่า 1,615 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น

สำหรับโครงการสำคัญที่จะเร่งดำเนินการ อาทิ การสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเพื่อการส่งออก ด้วยการคัดเลือกนักออกแบบแฟชั่น 40 แบรนด์ไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพการออกแบบและการสร้างแบรนด์ไทยสู่เวทีสากล การพัฒนาและสร้างสินค้าโอท็อปสู่ตลาดโลก( 77 สินค้าจากรากหญ้าสู่สากล) การลดต้นทุนโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการแต่ละปีไม่น้อยกว่า 1% ของจีดีพีใน 5 ปี(2555-2559) หรือ 0.2% ของจีดีพี หรือ คิดเป็นมูลค่า 18,000 ล้านบาทต่อปี การเจาะตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) การส่งเสริมการขยายตลาดและการไปดำเนินธุรกิจในเออีซี เช่น จัดงานแสดงสินค้าไทยแลนด์เทรดโชว์ เป็นต้น

นายโฟลเกอร์สเตปป์เลอ ที่ปรึกษาการพาณิชย์จากสถานทูตเยอรมัน ประจำประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ในยุโรปว่า จากการประเมินสถานการณ์ของกรีซ เชื่อว่ายุโรปจะไม่ปล่อยให้กรีซล้ม หรือ ออกจากสมาชิกยูโรโซน เพราะหากเป็นเช่นนั้น จะสร้างปัญหาต่อเนื่องและยาวนาน รวมถึงมีผลกระทบกับเศรษฐกิจภาพรวมของโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนับจากนี้เชื่อว่า สถานการณ์ยังทรงตัวต่อไป 1-3 ปี กรีซและประเทศต่างๆ ในยุโรปจะรัดเข็มขัด ซึ่งทางออกสำหรับการค้าไทยกับยุโรป ต้องเจาะตลาดผู้บริโภคระดับกลางขึ้นไปที่มีรายได้ต่อเนื่อง มีเงินออมสูง หรือ มีระบบเศรษฐกิจแข็งแกร่งอาทิ เยอรมัน ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น

“ผมมีภารกิจจากรัฐบาลเยอรมัน ให้มาสำรวจตลาดในเอเชีย โดยมีวาระ 3 ปี ซึ่งได้เริ่มต้นทำงานในประเทศไทยในลำดับแรก เพราะเห็นว่าไทยมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบและเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ ประชากรมีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการเกษตร และเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สมบูรณ์ ที่สามารถผลักดันให้เป็นครัวของโลกได้ โดยเฉพาะถ้าเน้นที่จะพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ในเชิงคุณภาพ อาทิ สินค้าออร์แกนิกที่ต้องพัฒนาให้เต็มรูปแบบอย่างจริงจัง เพื่อให้ได้รับการยอมรับตามคุณภาพและมาตรฐานที่วางไว้ ซึ่งจะสามารถจำหน่ายให้ผู้บริโภคทั่วยุโรปได้ไม่ยาก”นายสเตปป์เลอ กล่าวและว่า รัฐบาลเยอรมันต้องการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยราชการของไทย โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แลกเปลี่ยนบุคลากร งานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการผลิตให้ก้าวหน้าแบบครบวงจรในลำดับต่อไป

สำหรับนโยบาย”ครัวไทยสู่ครัวโลก” ควรดำเนินการพร้อมๆ กับการผลักดันให้ไทยผลิตสินค้าเกษตรแบบอาหารปลอดภัย(ฟู้ดเซฟตี้) รวมถึงควรประกาศเรื่องนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ เริ่มด้วยวิธีง่ายๆ จากการมีเครื่องหมายมาตรฐานรับรองคุณภาพสินค้าเกษตรของไทย เช่น เครื่องหมาย”แฟร์เทรด” เป็นต้น ซึ่งจะมีผลในทางปฏิบัติอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ที่ผ่านมาเครื่องหมายแฟร์เทรดเป็นเครื่องหมายที่ได้รับการยอมรับของยุโรปและเอเซีย ซึ่งในไทยมีสินค้าจำนวนน้อยรายการที่ได้รับเครื่องหมายนี้ เช่น ข้าว และกำลังดำเนินการในผลไม้ สับปะรด และมะม่วง เป็นต้น

“แฟร์เทรด เป็นระบบการค้าที่สร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้บริโภค ตลอดจนแรงงานที่อยู่ในระบบกล่าวคือ การผลิตสินค้าเกษตรต้องได้คุณภาพมาตรฐานโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเกษตรกร รวมถึงผู้บริโภคเป็นหลักควบคู่กับการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และสร้างความเป็นธรรมให้กับทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคโดยเกษตรกรต้องจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม คือ ไม่ต่ำกว่าต้นทุนและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดต้องไม่กีดกันเรื่องเพศ เชื้อชาติ ศาสนา ในขณะที่ผู้บริโภคก็จะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม

ที่สำคัญระบบแฟร์เทรด นอกจากผู้ผลิตจะได้รับเงินจากค่าสินค้าที่เป็นธรรมแล้ว ยังมีเงินพรีเมียม หรือเงินสนับสนุนพิเศษเพิ่มเติมจากผู้ซื้อสินค้าในระบบดังกล่าวอีกจำนวน 10% จากราคาสินค้า ซึ่งเงินดังกล่าวจะนำกลับมาพัฒนาความเป็นอยู่ของสมาชิกกลุ่ม เป็นเงินทุนในการพัฒนาขบวนการผลิตพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของกลุ่ม ตลอดจนนำมาเป็นเงินในการช่วยเหลือหรือตอบแทนกลับไปยังสังคมอีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version