นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการส่งออกรายงานการส่งเสริมและพัฒนาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ตลอดจนสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับประเทศคู่ค้าในสินค้า”กล้วยไม้”ตามยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก (2554 - 2559)เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกให้มีมูลค่า 10,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้าว่า สถานการณ์ราคากล้วยไม้มีแนวโน้มราคาสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณการผลิตลดลงมาก และคาดว่าระหว่างปี 2555-2557 กล้วยไม้จะขาดแคลน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงไปอีก โดยเฉพาะช่วงเทศกาล เหตุจากพื้นที่สวนกล้วยไม้อยู่ระหว่างการฟื้นฟูภายหลังจากอุทกภัย ซึ่งกล้วยไม้ไทยที่นิยมของตลาดอย่างมากจะเป็น กล้วยไม้ตัดดอกในกลุ่มบอมแดงและขาวฟอร์ม ภาคเอกชนได้คาดการณ์สถานการณ์การส่งออกกล้วยไม้ในตลาดหลัก 4 กลุ่มสำคัญ อาทิ ตลาดเอเชีย ที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 60% นั้น เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังเติบโตและมีการรวมตัวกันเป็นประชมคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ทำให้มีความต้องการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมากกว่าเดิม โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและมีความต้องการสูง คาดว่าตลาดเอเซียจะมีอัตราเติบโตในตลาดนี้ถึง 10% ตลาดสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วน 20% ของการส่งออก คาดว่าตลาดจะขยายตัว 3% แม้ว่าจะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แต่มีความเข้มงวดในการตรวจนำเข้ากล้วยไม้ส่งออก ตลาดนี้จึงเหมาะกับผู้ส่งออกรายเดิมที่มีความเชี่ยวชาญ “ตลาดจีน จะมีปริมาณการส่งออกจะลดลง แต่มูลค่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการยังสูงต่อเนื่อง แต่เกษตรกรต้องระวังการปรับราคาขึ้น ให้สมเหตุสมผล เพื่อป้องกันการใช้ดอกไม้ชนิดอื่นที่ราคาถูกกว่าทดแทน ในขณะที่ตลาดยุโรป ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน จะมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในยุโรป จึงส่งผลต่อการลำดับความสำคัญของการใช้จ่าย คาดว่าส่งออกปีนี้จะลดลง 8 %”นายภูมิ กล่าว และว่า ตนเห็นว่า เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไทยได้รางวัลเหรียญทอง ประกวดจัดสวน "เชลซีฟลาวเวอร์โชว์ 2012" กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นับเป็นสมัยที่ 3 นั้น ถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่จะนำเสนอฝีมือและความโดดเด่นของดอกไม้ไทย และไม่ใช่เพียงความสำเร็จของผลงานเท่านั้น สมเด็จพระราชินีนาถ อลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงสนพระทัยและเข้าชื่นชมผลงานอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ทั้งนี้แนวทางการขยายตลาดส่งออกในตลาดต่างประเทศว่า ผู้ส่งออกควรหาแนวทางการผลิตใหม่ พันธุ์ใหม่ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อสร้างความหลากหลาย และการหมุนเวียนพันธุ์ เพื่อไม่ให้ตลาดเกิดภาวะหยุดนิ่ง รวมทั้งทำให้ภาพรวมของสินค้าให้เกิดการยอมรับในคุณภาพสูงสุด การหาตลาดใหม่รองรับ อาทิ อินเดีย เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน เวียดนาม ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เป็นต้น การรวมกลุ่มของผู้ผลิตดอกไม้ชนิดอื่น และสินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองด้านการขนส่ง จะทำให้ต้นทุนลดลง นอกจากนี้ควรพิจารณานำเอามาตรฐานต่างๆ เช่น ยุโรป เรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคม มาประยุกต์ใช้กับมาตรฐานการติดฉลากและการบรรจุหีบห่อของสินค้าไทย เช่น ฉลากที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (eco-labels) และควรมีการส่งเสริมตรา “กล้วยไม้ไทย” (Thai Orchids) ด้วย หรือ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าพืชเกษตร ดอกไม้ หรือการตกแต่งสวน เพื่อการรู้จักตลาด คู่แข่งขัน ช่องทางการจำหน่าย เป็นต้น “การผลิตกล้วยไม้เชิงธุรกิจหรือเพื่อการค้า จะต้องมีการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเป็นการเบื้องต้นก่อน รวมถึงเรื่องเทคโนโลยีการผลิต การบรรจุหีบห่อ การขนส่ง การตลาด และประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ กฎระเบียบการนำเข้าส่งออก กฎหมายภายใน กฎหมายของประเทศคู่ค้า รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ให้เข้าใจชัดเจนและปฏิบัติให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นการกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจทำให้เกิดผลเสียต่อตัวผู้ประกอบการเอง เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย และอาจได้รับโทษทางคดีอาญาด้วย ยกตัวอย่างเช่น ดอกกล้วยไม้ที่จะส่งไปสหภาพยุโรป(อียู)จะต้องผ่านการรมยาเพื่อกำจัดเพลี้ยไฟ มีใบรับรองปลอดศัตรูพืช Phytosanitary Certificate และจะต้องมีปริมาณสารเคมีตกค้างอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด เป็นต้น”นายภูมิ กล่าว สำหรับกรณีประเทศไทย โดยสวนนงนุชพัทยาและเมืองพัทยา ได้รางวัลเหรียญทอง ประกวดจัดสวน "เชลซีฟลาวเวอร์โชว์ 2012" จากผู้เข้าร่วมชิงชัย 50 ประเทศนั้น ปีนี้ได้ตกแต่งสวน ภายใต้แนวคิด "บิวตี้ฟูล ไทยแลนด์" สมเด็จพระราชินีนาถ อลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงชื่นชมและตรัสถามถึงความยากในการประกอบชิ้นงานระหว่างเสด็จฯ ทอดพระเนตรพื้นที่การแสดงของประเทศไทย และเชื้อพระวงศ์อังกฤษก็ทรงสนพระทัยเป็นพิเศษ ถือเป็นความภาคภูมิใจที่เป็นตัวแทนของประเทศไทยให้ได้รับการยอมรับของสมาคมพืชสวนแห่งสหราชอาณาจักร(RHS) และจากทั่วโลก ส่วนแนวคิดของการจัดสวน”บิวตี้ฟูล ไทยแลนด์” นำเสนอความงามของวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตอันดีงามของไทย ถ่ายทอดเป็นงานศิลปะที่ผสมผสานระหว่างงานประดิษฐ์กับความงามของไม้ดอกให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้นถือเป็นความสำเร็จที่อยากให้คนไทยได้ภาคภูมิใจร่วมกัน ตัวเลขการส่งออกกล้วยไม้ของปี 2554 มีมูลค่า 2,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.7% โดยในช่วง 4 เดือนแรก(ม.ค.-เม.ย.)ปีนี้ มีมูลค่าการส่งออกรวม 842 ล้านบาท หรือ ลดลง 4.4% โดยส่วนใหญ่ส่งออกเป็นดอกกล้วยไม้
- พ.ย. ๒๕๖๗ รมช.ธรรมนัส ลงรับฟังปัญหาสถานการณ์กล้วยไม้ไทย พร้อมมอบมาตรการการช่วยเหลือเกษตรกรจ.นครปฐม ที่ได้รับผลผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโควิด-19
- พ.ย. ๒๕๖๗ เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา ชวนชมประติมากรรมดอกกล้วยไม้สุดอลังการใหญ่ที่สุด ในจังหวัดนครปฐม ในงาน "The Sense Of Orchid 2020" วันที่ 5-9 พ.ย. 63
- พ.ย. ๒๕๖๗ รมว.เกษตรฯ สั่งการใช้กล้วยไม้ในประเทศ ชวนทุกฝ่ายรณรงค์ อุดหนุนกล้วยไม้ไทย มอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ