นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงในตราสารที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี ปัจจัยหลักยังคงมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับกลุ่มประเทศยุโรปทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองในกรีซและความกังวลในภาคสถาบันการเงินของสเปน อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติยังคงมียอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทย โดยกลับมาเป็นซื้อสุทธิทั้งตราสารระยะสั้นและตราสารระยะยาว ทั้งนี้ คาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงปรับตัวลดลงจากปัจจัยลบภายนอก และความกังวลว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากปัจจุบันอยู่ที่ 3% โดยอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. อยู่ที่ระดับ 2.53%และ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน1.95%
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ บริษัทฯ ยังคงแนะนำให้ลงทุนระยะเวลา 3 - 6 เดือน เพื่อรอดูความชัดเจนจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)และลดความเสี่ยงในการลงทุนจากปัญหาสถานการณ์ด้านการเมืองและการเงินในต่างประเทศ ซึ่งในวันที่ 13 มิถุนายน บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 1 (ASP-ACFIXED1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ไทย อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.20%* ต่อปี*” นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว