ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)” ที่ระดับ “A-/Stable”

พฤหัส ๑๔ มิถุนายน ๒๐๑๒ ๑๖:๕๙
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ให้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% โดย DBS Vickers Securities Holdings Pte., Ltd. (DBSVSH) หนึ่งในสมาชิกในกลุ่มธนาคารดีบีเอสในประเทศสิงคโปร์ อันดับเครดิตของบริษัทมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทในฐานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธนาคาร

ดีบีเอสซึ่งให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและอื่น ๆ แก่บริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและทรัพยากร รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจกับลูกค้าในฐานลูกค้าของกลุ่มธนาคารดีบีเอส อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ไทย นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความไม่แน่นอนของธุรกิจหลังการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบในปี 2555 นี้ด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการที่บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่กลับมาเพิ่มขึ้นและมีผลประกอบการทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งจะติดตามสถานะทางการตลาดและผลประกอบการของบริษัทอย่างใกล้ชิดหลังการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบในปี 2555 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงฐานะการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ อีกทั้งจะยังมีบทบาทในธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทยในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายระดับสากลของกลุ่มธนาคารดีบีเอส และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มธนาคารดีบีเอสต่อไป

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลักโดยมีธุรกิจสนับสนุนอื่น ๆ ได้แก่ ธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งทางการเงิน รายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นรายได้หลักที่คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยประมาณ 86% ของรายได้รวมในปี 2554 ในขณะที่รายได้จากบริการอื่นมีสัดส่วนประมาณ 10% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 6.5% ของรายได้รวมในปี 2554 รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจของบริษัทลดลงอย่างมาก โดยรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการมีจำนวน 11 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.6% ของรายได้รวมในปี 2554 ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะยังมีรายได้จากธุรกรรมในส่วนนี้ไม่มากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า สำหรับกำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นคาดว่าจะมีสัดส่วนที่น้อยมากเนื่องจากบริษัทได้ตัดสินใจหยุดธุรกรรมการค้าหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัท

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.65% ในปี 2554 จาก 2.54% ในปี 2553 และ 2.01% ในปี 2552 ส่วนแบ่งทางการตลาดปรับลดลงเล็กน้อยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2555 เป็น 2.58% สถานะทางการตลาดของบริษัทจัดอยู่ในอันดับที่ 17 จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด 33 ราย ดีขึ้นจากอันดับที่ 21 เมื่อปี 2552 หากบรรยากาศการลงทุนเอื้ออำนวยต่อกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ บริษัทก็น่าจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดเอาไว้ได้เนื่องจากได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกลุ่มธนาคารดีบีเอส ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายจากลูกค้าของกลุ่มธนาคารดีบีเอสคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 36%-50% ของมูลค่าการซื้อขายต่อปีของบริษัท ในปี 2554 บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการคิดค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แบบขั้นบันไดมากนักเนื่องจากอัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงนั้นได้รับการชดเชยในสัดส่วนที่มากกว่าจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันในปี 2554 ไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2553 มากนัก โดยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวันของทั้งตลาดหลักทรัพย์รวมกับตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ทรงตัวอยู่ที่ระดับวันละประมาณ 29 พันล้านบาทในปี 2553 และปี 2554 แต่เป็นระดับที่เพิ่มขึ้นมากจากเดิมวันละ 16 พันล้านบาทในปี 2551 และ 18 พันล้านบาทในปี 2552 อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้นหลังการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบในปี 2555 นี้น่าจะสร้างแรงกดดันต่อความสามารถในการทำรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท

กำไรสุทธิของบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นหลังจากวิกฤตในปี 2551 โดยบริษัทรายงานผลกำไรสุทธิสำหรับปี 2552 จำนวน 34.13 ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 80.20 ล้านบาท และปี 2554 จำนวน 82.32 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุนที่ฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2552 การลดลงของค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยหลังจากเปิดเสรีคาดว่าจะจำกัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต อย่างไร

ก็ตาม บริษัทได้เตรียมการสร้างเสถียรภาพความสามารถในการทำรายได้โดยการขยายงานไปยังธุรกิจที่สร้างรายได้ค่าธรรมเนียมอื่นๆ และออกผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มีสินทรัพย์รวมอยู่ระหว่าง 1.6-1.9 พันล้านบาทในช่วงระหว่างปี 2548-2552 ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 พันล้านบาท ในปี 2553 และ 2.8 พันล้านบาทในปี 2554 เนื่องจากบริษัทมีปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ปริมาณสินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์คงค้างในปี 2554 จึงเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 1 พันล้านบาท จาก 875 ล้านบาท ในปี 2553 จากการที่บริษัทมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น โดยสินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์คงค้างคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 37% ของสินทรัพย์รวมในปี 2554 อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายจะขยายสินเชื่อดังกล่าวในระยะกลางเมื่อมีโอกาส ทั้งนี้ การขยายสินเชื่อควบคู่กับมาตรการในการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดยิ่งขึ้นน่าจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากธุรกรรมนี้ได้

บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำจากการลงทุน โดยมีเพียงการลงทุนสมทบในหุ้นสามัญจำนวน 9 ล้านบาทเพื่อการจัดตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนภาคบังคับสำหรับสถาบันการเงิน โดยในขณะนั้นบริษัทยังคงมีสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอ ณ เดือนธันวาคม 2554 บริษัทใช้วงเงินกู้ไปประมาณ 1.9% จากวงเงินทั้งสิ้น 2.66 พันล้านบาทจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ในประเทศ ในขณะที่เงินกู้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากการกู้ยืมบริษัทแม่ บริษัทยังคงมีทุนที่เพียงพอสำหรับการประกอบธุรกิจโดยส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 940 ล้านบาทในปี 2554 ในขณะที่มีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (Net Capital Rule -- NCR) ณ เดือนธันวาคม 2554 อยู่ที่ 66.7% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 7% ที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ค่อนข้างมาก ทริสเรทติ้งกล่าว

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (DBSVT)

อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version