“กลุ่มประเทศในตะวันออกกลางเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพิงรายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มีความจำเป็นต้องสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ โดยได้ลงทุนก่อสร้างโครงการต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต ดังนั้นโอกาสในการเข้าไปลงทุนรับงานก่อสร้างในประเทศเหล่านี้ จึงมีแนวโน้มแจ่มใส โดยมูลค่าที่จะเปิดประมูลระหว่าง 5 ปีอยู่ราว 550,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(17 ล้านล้านบาท)” นายภูมิ กล่าว
ทั้งนี้หลังจากที่เกิดกระแสการต่อต้านความไม่เป็นธรรมในสังคมและในการบริหารนโยบายของทางการ ปัญหาราคาอาหารแพง เกิดขึ้นในหลายประเทศ ทำให้รัฐบาลในตะวันออกกลางหันกลับมาทบทวนนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน โดยได้กำหนดไว้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เน้นให้ความสำคัญกับการมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและการกระจายรายได้เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจของประชาชน
นายภูมิ กล่าวว่า โครงการใหม่ที่จะก่อสร้างส่วนใหญ่มีข้อบังคับใช้ โดยจะต้องออกแบบเป็นอาคารเขียว(Green Building) รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อกระตุ้นในด้านการอนุรักษ์พลังงานทดแทน และยังดูแลสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีการกระตุ้นในด้านอื่นด้วย อาทิ ลดต้นทุนด้วยการลดค่าวัสดุก่อสร้างลงตามโครงการต่างๆ ประหยัดน้ำ-ไฟฟ้า พลังงาน สภาพแวดล้อมที่ดี มีการใช้ทรัพยากรน้อยลง เป็นต้น ดังนั้นแนวโน้มอิงกับสิ่งแวดล้อมจึงถือเป็นอนาคตและกระแสหลักที่ต้องใส่ใจ
“รัฐบาลของกลุ่มจีซีซี ให้ความสำคัญเกี่ยวกับระบบนิเวศ มีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะที่ดูแลการก่อสร้างอาคารสีเขียว ที่เห็นเป็นรูปธรรม คือ การสร้างเมือง Masdar ในกรุงอาบูดาบี ของสหรัฐอาหรับฯ มีพื้นที่ 3,750 ไร่ เพื่อรองรับประชากรราว 5 หมื่นคน เมืองใหม่มีจุดมุ่งหมายให้เป็นเมืองประหยัดพลังงาน ปลอดควันพิษและขยะ การแสวงหาแนวทางการแก้ไขวิกฤตการณ์พลังงานเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศจากภาวะโลกร้อน รวมทั้งการพัฒนาให้เป็นเมืองที่มีกรใช้ทรัพยากรและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน”นายภูมิ กล่าว
ผู้สนใจรับงานก่อสร้าง ตกแต่งภายใน หรือ เฟอร์นิเจอร์ เริ่มศึกษาทำความรู้ความเข้าใจต่อโครงสร้างการก่อสร้างอาคารสีเขียวให้มากขึ้น ซึ่งสอดรับตามกระแสโลกที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องอนุรักษ์ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลประเทศในภูมิภาคนี้