ราคาระบบจัดเก็บข้อมูลที่สูงขึ้น
ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีดิสก์ไดรฟ์มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วส่งผลให้ต้นทุนของสื่อบันทึกข้อมูลแบบดิสก์ลดลงอย่างมากและนำไปสู่ราคาจำหน่ายในท้องตลาดที่ลดต่ำลงถึงประมาณ10-15% เมื่อเทียบราคาระดับปีต่อปี ราคาดิสก์ที่ถูกลงนี้ทำให้องค์กรส่วนใหญ่เลือกที่จะซื้อดิสก์ใหม่เข้ามาใช้งานแทนที่จะบำรุงรักษาดิสก์เดิมที่มีอยู่ของตน อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว ได้ส่งผลให้การผลิตและการจัดหาฮาร์ดดิสก์ในตลาดเกิดภาวะขาดแคลน ซึ่งในขณะนี้ราคาของฮาร์ดดิสก์ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีราคาเพิ่มขึ้น 5-15% และบริษัท การ์ทเนอร์ ได้คาดการณ์ว่าราคาของดิสก์จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ (และอาจสูงถึง 20%1) ขณะที่บริษัท ไอดีซี คาดการณ์ว่าการขาดแคลนจะยังคงกระทบกับอุตสาหกรรมนี้จนถึงปี 20132
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าราคาที่เพิ่มขึ้นจะเกิดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือเป็นสถานการณ์จริงที่ต้องประสบในระยะยาว แต่ผู้ผลิตก็ได้เดินหน้าสร้างโรงงานผลิตของตนขึ้นใหม่พร้อมทั้งได้ลงทุนในเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่แล้ว ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนก็คือ ภาระค่าใช้จ่ายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับศูนย์ข้อมูล แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ในสถานการณ์ที่ดิสก์มีราคาถูก ผู้จัดการด้านไอทีก็ต้องพบกับปัญหาค่าใช้จ่ายจำนวนมากอันเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของข้อมูลและมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลใหม่ๆ เข้ามารองรับสถานการณ์ดังกล่าว ผู้จัดการด้านไอทีเหล่านี้ยังต้องพยายามอย่างหนักที่จะบำรุงรักษาระบบจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากหลากหลายผู้จำหน่าย ตลอดจนการควบคุมความต้องการในการขยายพื้นที่จัดวาง รวมทั้งการลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าและระบบทำความเย็น
ใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ระบบจัดเก็บข้อมูลอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อ TCO ที่ต่ำลง
แม้ว่าต้นทุนระบบจัดเก็บข้อมูลขององค์กรหลายแห่งจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มีข้อเท็จจริงบางอย่างที่น่าสนใจ นั่นคือขนาดระบบจัดเก็บข้อมูลขององค์กรมักจะไม่ตรงกับการใช้งานจริง โดยส่วนใหญ่แล้ว องค์กรมักจะใช้พื้นที่ความจุของระบบจัดเก็บข้อมูลเพียง 30% เท่านั้นโดยที่เหลือพื้นที่ที่ไม่มีการใช้งานอีก 70% นั่นหมายความว่ายังคงมีพื้นที่อีกมากมายที่สามารถรองรับขยายตัวของข้อมูลและองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ความจุที่มีอยู่เดิมของระบบจัดเก็บข้อมูลได้ ที่สำคัญกว่านั้นยังหมายความว่าองค์กรไม่จำเป็นต้องหนักใจกับราคาดิสก์ที่เพิ่มสูงขึ้น แทนที่จะต้องไปจัดหาสื่อบันทึกข้อมูลใหม่ๆ ที่มีราคาแพง แต่สามารถหันไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากสินทรัพย์ระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่เดิมของตนด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการใช้ประโยชน์ ทำให้เกิดระดับการใช้พื้นที่ความจุอย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ต่ำลงในที่สุด
การใช้พื้นที่ความจุอย่างมีประสิทธิภาพ (Capacity Efficiency: CE)
การใช้พื้นที่ความจุได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับสูงนั้น จำเป็นที่จะต้องปรับใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในสองด้านหลักๆ ได้แก่ การจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพจะเกี่ยวข้องกับการกำจัดปัญหาการจัดสรรพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มากเกินไปโดยเปล่าประโยชน์ ขณะที่การใช้งานอย่างประสิทธิภาพจะเกี่ยวข้องกับการใช้พื้นที่ความจุของระบบจัดเก็บข้อมูลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อช่วยในด้านการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ/ความพร้อมใช้งานของระบบ
การจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดสรรทรัพยากรดิสก์ที่มากเกินไปกลายเป็นแนวทางปฏิบัติปกติสำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีจำนวนมาก พวกเขามักจะจัดสรรพื้นที่ความจุไว้ให้เกินจากความต้องการจริงของผู้ใช้และจัดเก็บสำเนาของข้อมูลทั้งหมดไว้ในจำนวน 10-15 สำเนาเพื่อให้แน่ใจได้ถึงระดับการให้บริการและหลีกเลี่ยงปัญหาพื้นที่ความจุไม่เพียงพอโดยไม่คาดคิด อย่างไรก็ตาม การจัดสรรพื้นที่ความจุไว้มากเกินไปนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ฟังก์ชันการจัดสรรพื้นที่แบบจำกัดตามการใช้งานจริง (thin provisioning) โดยที่คุณจะได้รับการจัดสรรพื้นที่จริงตามที่ร้องขอและเฉพาะพื้นที่ความจุที่ใช้จริงเท่านั้นที่จะได้รับการจัดเตรียมไว้ให้ แนวทางนี้ยังจะช่วยสนับสนุนระบบ API เช่น ระบบไฟล์ของ VMFS และ Symantec ที่สามารถแจ้งให้ระบบจัดเก็บข้อมูลทราบเมื่อมีการลบไฟล์เพื่อให้สามารถเรียกพื้นที่ที่จัดสรรไว้ให้กับไฟล์เหล่านั้นกลับคืนมาใช้ประโยชน์ได้ การกำจัดปัญหาเกี่ยวกับการจัดสรรพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ความต้องการความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลและเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการทำสำเนาลดลง โดยการลดจำนวนสำเนาลงนั้นสามารถดำเนินการได้ด้วยวิธีการสร้างสำเนาเมื่อเขียน (copy-on-write) เพื่อให้มีเฉพาะการเปลี่ยนแปลงใหม่เท่านั้นที่จะถูกทำสำเนาไว้
การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพจะเกี่ยวข้องกับการจัดวางข้อมูลในระดับชั้นที่เหมาะสมของระบบจัดเก็บข้อมูล โดยพิจารณาจากความถี่ในการเข้าถึง มูลค่าทางธุรกิจ และค่าใช้จ่ายของระบบจัดเก็บข้อมูล สิ่งนี้สามารถบรรลุผลได้ด้วยแนวทางการแบ่งระดับชั้นแบบอัตโนมัติตามนโยบายที่สอดคล้องกับเหตุการณ์หรือเวลาที่เฉพาะเจาะจง โดยการสร้างระบบข้อมูลอัตโนมัติมีอยู่ด้วยกันสองประเภท ได้แก่ ระดับไดรฟ์ข้อมูล และระดับเพจ แต่การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพจะเน้นไปที่การวางข้อมูลที่ "ระดับเพจ" เนื่องจากการแบ่งระดับชั้นในระดับไดรฟ์ข้อมูลนั้นจำเป็นที่จะต้องย้ายทั้งไดรฟ์ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งนั่นจะต้องใช้พื้นที่มากกว่าการแบ่งระดับชั้นในระดับเพจที่จะมีเฉพาะเพจด่วนเท่านั้นที่จะถูกย้ายไปมาระหว่างชั้น และใช้พื้นที่เพียงประมาณ 5-10% ของไดรฟ์ข้อมูลทั้งหมดเท่านั้น
ระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือน: สิ่งสำคัญพื้นฐานของ CE
ระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงเป็นโซลูชันที่มีความสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้เกิดการใช้พื้นที่ความจุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเพิ่มเครื่องมือเพื่อให้เกิดการใช้งานระบบจัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การแบ่งระดับชั้นอัตโนมัติและการจัดสรรพื้นที่แบบจำกัดตามการใช้งานจริง ซึ่งระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่เดิมไม่มีขีดความสามารถดังกล่าว ด้วยระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง คุณจะสามารถรวมข้อมูลทุกชนิด ได้แก่ ไฟล์ เนื้อหา และกลุ่มข้อมูลที่มีระเบียบและไม่มีระเบียบจากระบบจัดเก็บข้อมูลภายใน ภายนอก และผู้จำหน่ายที่หลากหลายไว้ในแพลตฟอร์มระบบจัดเก็บข้อมูลเดียวได้ เมื่อสินทรัพย์ระบบจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดกลายเป็นกลุ่มเดียวกันแล้ว ฟังก์ชันของการแบ่งระดับชั้นอัตโนมัติและการจัดสรรพื้นที่แบบจำกัดตามการใช้งานจริงจะได้รับการเพิ่มเติมให้กับโครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลทั้งหมด สิ่งนี้จะช่วยให้การเรียกคืนพื้นที่ความจุและการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นเรื่องง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถขยายการใช้งานสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิม เพิ่มความคล่องตัวของระบบไอทีได้อย่างมาก และสามารถใช้พื้นที่ความจุได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับการขยายตัวของข้อมูลที่ไม่มีระเบียบได้
นอกจากนี้ ระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงยังนำเสนอข้อดีด้านกลยุทธ์การซื้อระบบจัดเก็บข้อมูลจากหลายผู้จำหน่ายในระดับราคาที่คุ้มค่า และด้วยความอิสระในการสร้างระบบเสมือนจริงที่กลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปแล้วในขณะนี้ ทำให้คุณสามารถออกแบบระบบจัดเก็บข้อมูลในช่วงระดับราคาที่หลากหลายสำหรับระดับชั้นที่แตกต่างกันของระบบจัดเก็บข้อมูล เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจาการลงทุนในระดับสูงสุดด้วยการและเลือกระดับราคาที่คุ้มค่าและเหมาะสมที่สุดได้ จะเห็นได้ว่าสื่อบันทึกข้อมูลที่มีราคาไม่แพงนักสามารถปรับใช้ได้กับระบบจัดเก็บข้อมูลระดับกลางและล่าง ขณะที่ดิสก์ระดับบนจะถูกใช้ร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลระดับสูง นั่นหมายความว่าองค์กรไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ขาดแคลนและการเพิ่มราคาของฮาร์ดดิสก์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และในท้ายที่สุดพวกเขาจะสามารถออกแบบกลยุทธ์การจัดซื้อระบบจัดเก็บข้อมูลระยะยาวได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการเฉพาะของตนและตามรูปแบบการใช้งานจริงได้
คอนโซลควบคุมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบอิสระเพิ่มสมรรถนะสูงสุดด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
เพื่อให้ระบบจัดเก็บข้อมูลมีประสิทธิภาพสูงสุด โครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสม จึงต้องแบ่งพื้นที่ความจุของดิสก์โดยอาศัยคอนโทลเลอร์ระบบจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบอิสระ เนื่องจากการแบ่งระดับชั้นในระดับเพจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้น จำเป็นต้องมีการจัดการเมตาดาต้าและใช้กำลังการประมวลผลในระบบจัดเก็บข้อมูลที่มากกว่าเดิม และเมื่อใช้ชุดแยกส่วนของตัวประมวลผลเพื่อสนับสนุนฟังก์ชันความสามารถนี้ ก็จะทำให้ข้อมูลสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างเต็มที่โดยไม่กระทบประสิทธิภาพการทำงานพื้นฐานของ I/O และปริมาณงานทั้งหมดที่มีอยู่
ข้อได้เปรียบอีกอย่างของการแยกส่วนพื้นที่ความจุดิสก์ออกจากคอนโทรลเลอร์ระบบจัดเก็บข้อมูล ก็คือความเป็นอิสระในการจัดการสื่อจัดเก็บข้อมูล โดยความจุดิสก์ไม่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูในแนวทางเดียวกันกับคอนโทรลเลอร์ระบบจัดเก็บข้อมูลอีกต่อไป ซึ่งปกติแล้วรอบการฟื้นฟูจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาสามปี นั่นหมายความว่าคุณจะสามารถยืดอายุการใช้งานความจุดิสก์ที่มีอยู่เดิมในแต่ละรอบได้ 5-7 ปี ตามความต้องการของคุณ เนื่องจากสื่อบันทึกข้อมูลยังคงเป็นต้นทุนก้อนใหญ่ของการปรับใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลใหม่ ดังนั้นการเสื่อมราคาที่ถูกยืดระยะเวลาออกไปจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนของคุณให้น้อยลงได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้กลยุทธ์การซื้อระบบจัดเก็บข้อมูลภายนอกจากหลายผู้จำหน่ายเพื่อให้ได้รับราคาที่คุ้มค่าที่สุดในระบบจัดเก็บข้อมูลระดับกลางและล่างได้อีกด้วย
โครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลเพิ่ม CE สูงสุดโดยมี OPEX และ CAPEX ต่ำสุด
โครงสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลรุ่นใหม่ เช่น Hitachi Virtual Storage Platform (VSP) นำเสนอส่วนประกอบที่สำคัญที่สามารถเพิ่มระดับ CE ได้สูงสุดผ่านทางระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง โดย VSP นอกจากจะสามารถรองรับฟังก์ชันการใช้งานสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลชั้นนำของอุตสาหกรรม ได้แก่ การจัดสรรพื้นที่แบบจำกัดตามการใช้งานจริง การจัดเก็บข้อมูลตามระดับชั้นความสำคัญข้อมูลตามการใช้งานจริง และการจำลองแบบข้อมูลแล้ว ชุดควบคุมระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพที่แยกส่วนออกมาจากความจุดิสก์ ยังสามารถสร้างกลุ่มทรัพยากรที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ผ่านทางชุดเครื่องมือการจัดการทั่วไป
VSP สามารถปรับใช้สินทรัพย์ระบบจัดเก็บข้อมูลให้มีประสิทธิภาพได้อย่างสูงสุดจากเดิมที่เคยใช้ประมาณ 20-30% ก็สามารถเพิ่มสูงขึ้นถึง 50-60% โดยหากระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่เดิมไม่มีขีดความสามารถด้านการจัดสรรพื้นที่แบบจำกัดตามการใช้งานจริง VSP ก็จะเรียกพื้นที่ความจุที่จัดสรรไว้แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์กลับคืนมาได้ถึง 40% หรือมากกว่านั้น คอนโทลเลอร์ที่แยกส่วนของระบบยังสามารถช่วยจัดวางข้อมูลในชั้นที่เหมาะสมได้โดยอัตโนมัติภายในโครงสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลเดียวกันโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลหรือเกิดการบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานแต่อย่างใด
ด้วยการเชื่อมต่อ VSP กับระบบจัดเก็บข้อมูลดั้งเดิมของคุณ ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบโมดูลราคาต่ำและระบบจัดเก็บข้อมูลจากหลากหลายผู้จำหน่าย จะทำให้พื้นที่ความจุทั้งหมดของระบบจัดเก็บข้อมูลของคุณสามารถใช้ประโยชน์ได้นานขึ้นและเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้กลยุทธ์การจัดซื้อสื่อบันทึกข้อมูลที่ยืดหยุ่นโดยที่มีระดับความต้องการพื้นที่ความจุใหม่ที่น้อยลงได้ ตัวอย่างเช่น การปรับใช้ VSP จะสามารถลดความต้องการพื้นที่จัดวางได้สูงสุดถึง 40% ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่ความจุของคุณ และค่าใช้จ่ายรวมของระบบจัดเก็บข้อมูลของคุณที่มาจากกำลังคน พื้นที่จัดวาง และค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าและระบบทำความเย็นก็จะเกิดขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งนั่นจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงาน (OPEX) และค่าใช้จ่ายด้านทุน (CAPEX) ในระบบจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมาก
แทนที่จะต้องซื้อดิสก์เพิ่มเติมเพื่อรองรับข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในช่วงที่ราคาของระบบจัดเก็บข้อมูลกำลังเพิ่มสูงขึ้น ผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีสามารถเลือกแนวทางที่คุ้มค่ากว่าได้ นั่นคือ VSP ด้วยการลงทุนในระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงชั้นนำของอุตสาหกรรม คุณไม่เพียงแต่เพิ่มพื้นที่ความจุได้ตามที่ต้องการในปัจจุบันจากสินทรัพย์ระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่เดิมของคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นการกำหนดตำแหน่งธุรกิจของคุณสำหรับการขยายตัวอย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย
1. Gartner: How to Cope With a Worldwide Hard-Disk Shortage in 2012, จัดพิมพ์เมื่อ: 6 ธันวาคม 2011
2. 2. Computerworld: Impact of hard drive shortage to linger through 2013, จัดพิมพ์เมื่อ: 9 ธันวาคม 2011