- ผู้บริหารการันตี ขายแต่หุ้นใหม่ ไม่ขายหุ้นเดิม ไม่มีบิ๊กล็อต
บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ (SRICHA) เผยกระแสตอบรับดีเยี่ยม สถาบันจองล้นถึง 5.6 เท่า ที่ราคาสูงสุด 15 บาท เปิดจองทันที 22-26 มิถุนายนนี้ ที่บล.กสิกรไทย
นายบุญเครือ เขมาภิรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น (SRICHA) ผู้นำด้านการ รับเหมาเครื่องกลแบบครบวงจรระดับนานาชาติของไทยเปิดเผยในงานเซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนว่า “บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 310 ล้านบาท พร้อมจะขายหุ้นสามัญ เพิ่มทุน (IPO) แก่ประชาชนและนักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 78.25 ล้านหุ้น ด้วยชื่อสัญลักษณ์ “SRICHA” ในราคาหุ้นละ15 บาท หรือคิดเป็น P/E ratio เพียง 4.17 เท่า ในวันที่ 22, 25, 26 มิถุนายนนี้ โดยได้แต่งตั้งให้บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้”
“SRICHA มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีอัตรากำไรขั้นสูงโดยตลอดในช่วง 3 ปีนี้ บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยสูงถึง 58% และมีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย (Net Margin) สูงถึง 42% โดย บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนกว่า 1,100 ล้านบาทในครั้งนี้ไปใช้ในการขยายโรงงานซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรวมถึงเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินงานเพื่อรองรับงานเหมาเครื่องกลที่มีมูลค่าโครงการสูงขึ้นทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการในอุตสาหกรรมพลังงาน เหมืองแร่ และปิโตรเคมี ซึ่งล้วนมีอัตรากำไรสูง และในการขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ คณะผู้บริหารขอยืนยันว่าเป็นหุ้นใหม่เพิ่มทุนเท่านั้น และไม่มีการนำหุ้นเดิมมาจำหน่ายในช่วงเข้าตลาดอย่างแน่นอน นอกจากนี้หุ้นเดิมส่วนใหญกว่า 55% ยังอยู่ในระยะห้ามจำหน่าย (Silent period) เช่นเดียวกับใบแสดงสิทธิสำคัญที่จะจำหน่ายให้พนักงานในราคา IPO พร้อมส่วนลด 25% นั้นจะอยู่ในระยะห้ามจำหน่าย (Silent period) เป็นเวลา 3 ปี นักลงทุนจึงมั่นใจได้ 100%” นายบุญเครือกล่าว
นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารธุรกิจไพรเวทแบงก์เครือธนาคารกสิกรไทย ที่ปรึกษาด้านการเงินและแกนนำการรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เรามีความภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับ SRICHA ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินมากว่า 2 ปี และมีความเชื่อมั่นว่าหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 78.25 ล้านหุ้น ของ SRICHA ในราคาหุ้นละ 15 บาท (ราคาพาร์ หุ้นละ 1 บาท) จะได้รับ ความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันเป็นอย่างสูง โดยนักลงทุนสถาบันแสดงเจตจำนงจองหุ้นเกินกว่าที่จัดสรรไว้ถึง 5.6 เท่า เนื่องจาก SRICHA มีโครงสร้างธุรกิจและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีผู้บริหาร ทีมวิศวกรอาวุโสและบุคคลากรที่มีความสามารถเชี่ยวชาญ มีความสามารถในการทำกำไรสูงและมีประสบการณ์ การทำงานมานานกว่า 20 ปี มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติและราคานี้ยังมีส่วนลดให้นักลงทุนกว่า 30% (มูลค่ายุติธรรมหุ้นละ 21.50 บาท)
นอกจากนี้ SRICHA มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ในช่วงปี 2552-2554 บริษัทฯ มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (RoE) สูงถึง 87.63% และอัตราผลตอบแทนต่อทรัพย์สิน (RoA) ถึง 40.0% บริษัทฯ จึงสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งจุดแข็งต่างๆ เหล่านี้ น่าจะทำให้หุ้น SRICHA เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจอย่างสูงจากทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยนักลงทุนสามารถจองซื้อหุ้น ไอพีโอ SRICHA ได้ในวันที่ 22, 25, 26 มิถุนายนนี้ ที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดจำหน่าย หรือผ่านผู้ร่วมจัดจำหน่ายทั้งหมด ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบีที จำกัด”
บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีอัตรากำไรขั้นสูงได้ โดยตลอด ในช่วง 3 ปีนี้ บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยสูงถึง 58% และมีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยสูง 42% โดยในปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,889 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิเป็นเงิน 1,118 ล้านบาท ส่วนในปี 2553 มีรายได้รวม 2,416 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,195 ล้านบาท และในปี 2552 มีรายได้รวม 1,988 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 720 ล้านบาท และล่าสุดในไตรมาส 1 ปี 2555 นี้ SRICHA มีรายได้รวม 617 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% จากกำไรสุทธิ 194 ล้านบาทในไตรมาส 1 ของปีที่ผ่านมา สาเหตุที่ SRICHA สามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้างในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากบริษัทฯ มุ่งเน้นเฉพาะงานรับเหมางานโลหะแบบครบวงจรในต่างประเทศ อาทิ งานโครงสร้างเหล็ก งานประกอบติดตั้งระบบท่อ ระบบถังบรรจุภัณฑ์ และเครื่องจักรและอุปกรณ์ และงานซ่อม บำรุงเครื่องจักร และอุปกรณ์ ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ทีมช่างที่มีทักษะขั้นสูง และมีระบบการทำงานที่ซับซ้อน มีมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุด บริษัทฯ มีข้อได้เปรียบด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 20 ปี อีกทั้งมีความได้เปรียบอย่างมากด้านต้นทุนค่าแรงช่างเมื่อเทียบกับช่างจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย หรือ เกาหลีใต้ที่มีความทัดเทียมกัน นอกจากนี้ในตลาดโลกยังมีปริมาณความต้องการงานรับเหมาเครื่องกลขนาดใหญ่อีกเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ในตลาดมีผู้ประกอบการในระดับเดียวกันเพียง 3 - 4 ราย เท่านั้น ทำให้บริษัทฯ สามารถเลือกรับงานที่มีความถนัด และมีอัตรากำไรที่สูงขึ้นได้
บมจ. ศรีราชาคอนสตรัคชั่น (SRICHA) ก่อตั้งเมื่อปี 2537 โดยนายบุญเครือ เขมาภิรัตน์ กรรมการผู้จัดการ และกลุ่มทีมงานวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อดำเนินธุรกิจงานก่อสร้างโลหะในโรงงาน อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Mechanical Construction) แบบครบวงจร ได้แก่ งานออกแบบรายละเอียดทาง วิศวกรรม งานจัดหาวัตถุดิบในการผลิต โดยมุ่งเน้นการรับงานก่อสร้างโลหะในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก
ด้วยทุนจดทะเบียน 310 ล้านบาทบริษัทฯ มีจุดเด่นอยู่ที่ทีมงานวิศวกรระดับสูงที่มีประสบการณ์ ในงานรับเหมาก่อสร้างงานโลหะหรือเครื่องกลมากกกว่า 20 ปี ความสามารถในการรับงานที่ใช้ความเชี่ยวชาญสูงและสามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลา รวมถึงสถิติการทำงานก่อสร้างที่ปลอดภัยไม่มีอุบัติเหตุและมีประสบการณ์รับเหมาก่อสร้างโรงงานมากว่า 50 โครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมพลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า โรงงานปิโตรเคมี โรงถลุงแร่ โรงงานอาหารและเกษตรขนาดใหญ่ อาทิ โครงการ โรงงานถลุงแร่ที่ประเทศมาดากัสการ์ มูลค่างานกว่า 7,500 ล้านบาท โครงการโรงกลั่นน้ำมันเอกซอนโมบิล (เอสโซ) ที่ประเทศสิงคโปร์มูลค่างานกว่า 900 ล้านบาท โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ 1,440 ล้านบาท โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ 200 ล้านบาทที่จังหวัดชลบุรี และงานโรงกลั่นน้ำมัน ประเทศการ์ตามูลค่า 600 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับโลก อาทิ บริษัท ฟอสเตอร์ วีลเลอร์ และ บริษัท เบคเทล จากสหรัฐอเมริกา และบริษัท เจจีซี (JGC) จากประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตโครงสร้างเหล็กระดับสูงถึง 20,000 ตันต่อปี และกำลังการผลิตและติดตั้ง ระบบท่อ 1,000,000 db ต่อปี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อประชาสัมพันธ์ : บริษัท เพนเน็ตเทรท จำกัด โทร: 02-681-5305-7