นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ “GBX” เปิดเผยแนวโน้มการลงทุนทองคำว่า ราคาทองคำช่วงปลายเดือนมิถุนายน ถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2555 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่นักลงทุนเริ่มเทขายหุ้น หรือแม้กระทั่ง Currency Futures ออกมา จากการประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ได้ดีอย่างที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้น ทองคำจึงอาจเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หรือ Safe Haven ที่น่าลงทุนอีกครั้ง
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของราคทองคำ”ระยะสั้น”รอบนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับราคา 1,610 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 24,310 บาท/บาททองคำ ขณะที่ราคาต่ำสุดของรอบนี้น่าจะอยู่ในระดับ 1,545 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 23,330 บาท/บาททองคำ ขณะที่การลงทุน”ระยะกลาง” ราคาอาจจะทำราคาต่ำสุดที่ 1,525 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 23,030 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 31.89 บาท/ดอลลาร์ ) เนื่องจากยังไม่มีความแน่นอนในเรื่องของการออกยูโรบอนด์ของประเทศในยูโรโซน
สำหรับประเด็นการออกยูโรบอนด์ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้นั้น คาดว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้ยาก จากการที่นางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ยังคงคัดค้านการออกยูโรบอนต์ เนื่องจากประชาชนในเยอรมนีจะต้องเสียอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่เยอรมนีมีการจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่น้อยกว่าประเทศอื่นๆในยูโรโซน ซึ่งอาจส่งผลต่อคะแนนเสียงทางการเมืองต่อผู้นำประเทศของเยอรมนีที่อาจจะไม่ได้รับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งสวนทางกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฮอลลองค์ สนับสนุนยูโรบอนด์ จึงเป็นที่จับตามมองว่าทาง EU จะมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อช่วยประเทศในยูโรโซนอื่นๆอย่างไร ในการประชุม Euro Economic Summit ในวันที่ 28-29 มิ.ย. นี้
“นักลงทุนกลับมาลงทุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง หลังจากที่เริ่มมีสัญญาณการสั่งซื้อทองคำเพิ่มในจีนและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ได้ออกมาดีตามคาดการณ์ไว้ ประกอบกับปัญหาทางยูโรโซนยังยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่การลงหรือขึ้นทองราคาทองคำในรอบนี้จะอยู่ในกรอบที่จำกัดจากการเก็งกำไรของนักลงทุน โดยทางฝ่ายวิเคราะห์โกลเบล็กแนะนำหากมีทองคำในพอร์ตถ้าราคาปรับเพิ่มขึ้นให้ขายทำกำไร และซื้อรอบใหม่หลังราคาปรับตัวลดลงตามกลไกตลาดลดความเสี่ยงราคาผันผวน”นายทรงวุฒิ กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ กล่าวว่า ราคาทองคำในระยะนี้ค่อนข้างผันผวนเป็นรายวัน ดังนั้น การติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบถือเป็นการประเมินความเสี่ยงที่ดีเบื้องต้น จะเห็นได้จากปัจจัยที่ทยอยออกมาต้นสัปดาห์ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ มีตัวเลขออกมาไม่ได้ดีมากตามคาดการณ์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในทองคำมากขึ้น
โดยปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามต่อไป ได้แก่ ประเด็นคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานและยอดทำสัญญาขายบ้านสหรัฐฯ, EU Economic Summit, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการและผลผลิตมวลรวมสหรัฐฯ ประเมินกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,525-1,610 ดอลลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 23,030-24,310 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 31.89 บาท/ดอลลาร์ ) โดยให้เข้าทยอยซื้อที่แนวรับ 1,545-1,550 ดอลลลาร์/ออนซ์ หรือ 23,340-23,410 บาท/บาททองคำ และให้ทยอยขายหากราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 1,580 ดอลลลาร์/ออนซ์ หรือ 23,860 บาท/บาททองคำ ให้ตัดขาดทุนที่ 1,525 ดอลลลาร์/ออนซ์ หรือ 23,030 บาท/บาททองคำ
ส่วนราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน โดยราคาทองคำอยู่ที่ 1,568.19 ดอลลลาร์/ออนซ์ (ณ วันที่ 27 มิถุนายน 13.00น.) ปรับตัวลดลงประมาณ 55.17 ดอลลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 3.39% ทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,632.90 ดอลลลาร์/ออนซ์ และทำจุดต่ำสุดไว้ที่ 1,559.39 ดอลลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำปรับตัวลดลงตลอดสัปดาห์ถึงแม้ว่าการเลือกตั้งของกรีซจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี โดยที่พรรคนิวเดโมเคซีซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัดได้รับคะแนนเสียงมากสุด แต่นักลงทุนได้ทยอยขายทองคำออกมาจากความผิดหวังในผลการประชุมเฟดที่มีการต่ออายุมาตรการ Operation twist ออกไปจนถึงปลายปี แทนการออกมาตรการ QE3
ขณะเดียวกัน ดัชนีภาคการผลิตทั้งฝั่งยุโรป และจีนออกมาแย่กว่าที่คาดยังส่งผลลบต่อราคาทองคำ และในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์มูดี้ส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารยักษ์ใหญ่ 15 แห่งยิ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ แต่ท้ายที่สุดราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นมาได้จากแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงตลอดสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ทาง บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ ยังคงแนะนำนักลงทุนทองคำป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินบาทในการซื้อขายทองคำที่เป็นราคาไทย ด้วยการ Short USD Futures ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี โดยสามารถสอบถามข้อมูลการลงทุนหรือซื้อขายเพิ่มเติมได้ที่ 02-672-5995 กด 0 ตั้งแต่เวลา 9.00 — 24.00 น.