พรีเมียร์ อินน์ เลือกสิงคโปร์เป็นฮับในเอเชีย แบรนด์โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยว

อังคาร ๐๓ กรกฎาคม ๒๐๑๒ ๑๑:๐๒
พรีเมียร์ อินน์ แบรนด์โรงแรมอันดับหนึ่งของสหราชอาณาจักรที่มีโรงแรมในเครือกว่า 630 แห่ง และห้องพักรวม 49,000 ห้อง ทั่วสหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง อัฟริกา และอินเดีย ประกาศเลือกสิงคโปร์เป็นฮับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งนับเป็นฮับระดับภูมิภาคแห่งที่สามของพรีเมียร์ อินน์ ต่อจากดูไบและนิวเดลี และในช่วงแรกของการดำเนินงาน พรีเมียร์ อินน์ จะประเมินโอกาสทั่วภูมิภาคนี้ ในแง่ของหุ้นส่วนที่ลงตัวที่สุด และตลาดสำคัญอันดับต้นๆ

สำนักงานในสิงคโปร์ก่อตั้งขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นผลจากการที่ประชากรในภูมิภาคมีรายได้มากขึ้น และมีการแข่งขันของสายการบินต้นทุนต่ำค่อนข้างมาก โดยสำนักงานแห่งนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอความเป็นเลิศด้านบริการ และประสบการณ์ที่คุ้มค่า คุ้มราคา ของพรีเมียร์ อินน์ สู่กลุ่มนักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก

สำนักงานในสิงคโปร์แห่งนี้จะบริหารงานโดย มร. เอริค แวน คูเลน รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจการต้อนรับและบริการในภูมิภาคเอเชียมานานถึง 15 ปี

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของวิทเบรด กรุ๊ป (Whitbread) เครือโรงแรมที่คว้ารางวัลต่างๆ มามากมายอย่างพรีเมียร์ อินน์ จะแสวงหาความร่วมมือกับผู้พัฒนาโครงการและนักลงทุนชั้นนำในภูมิภาค "เรารู้สึกยินดีที่ได้เห็นโอกาสอันที่ที่จะได้นำความสำเร็จของเราในสหราชอาณาจักรและอีกหลายประเทศในโลกมาสู่ภูมิภาคเอเชีย" มร. เอริค แวน คูเลน กล่าว "เราเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งเจ้าของธุรกิจโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกตลอด 25 ปีที่ผ่านมา พรีเมียร์ อินน์ ตระหนักถึงความท้าทายในการสร้างและการวางแผนธุรกิจสำหรับโรงแรมชั้นประหยัด ด้วยทรัพยากรที่เราทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์ของเราให้เติบโต พรีเมียร์ อินน์ มีแผนการลงทุนที่แตกต่างและชัดเจนให้คู่ค้าในแต่ละประเทศเลือก ทั้งนี้เพื่อนำเสนอประสบการณ์อันเป็นเลิศของพรีเมียร์ อินน์ ในตลาดต่างๆ ที่เราเข้าไปขยายธุรกิจ"

นอกจากนี้ พรีเมียร์ อินน์ ยังได้รับการยอมรับอย่างสูงในแวดวงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้วยการคว้ารางวัล World's Best Budget Hotel Brand หลายปีติดต่อกัน ในงานประกาศผลรางวัล World Travel Awards ปี 2010 และ 2011 รวมถึงรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Best Budget Hotel Brand 2012 และ Hotel Chain of the Year 2011 จากงานประกาศผลรางวัล British Travel Awards

พรีเมียร์ อินน์ มีเครือข่ายทั่วทุกพื้นที่ในสหราชอาณาจักร

ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1987 แบรนด์ “พรีเมียร์ อินน์” เป็นส่วนหนึ่งของวิทเบรด กรุ๊ป (Whitbread) ซึ่งมีความเป็นมายาวนานย้อนหลังไปเกือบ 3 ศตวรรษ และปัจจุบันเป็นธุรกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน

พรีเมียร์ อินน์ เติบโตขึ้นเป็นลำดับจนกลายเป็นหนึ่งในเครือโรงแรมที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับสูงสุดในสหราชอาณาจักร ด้วยเครือข่ายธุรกิจทั่วภูมิภาคที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยปัจจุบันคาดร้อยละ 75 ของจำนวนประชากรในสหราชอาณาจักรอาศัยอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรจากโรงแรมในเครือพรีเมียร์ อินน์

พรีเมียร์ อินน์ ได้รับการจัดอันดับในฐานะเครือโรงแรมชั้นนำของสหราชอาณาจักรและทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และสร้างความสำเร็จจากคุณภาพบริการในห้องพักควบคู่กับทำเลที่ยอดเยี่ยมในราคาไม่แพง นอกจากนี้ พรีเมียร์ อินน์ ยังมอบบริการ ‘Good Night Guarantee’ แก่แขกผู้เข้าพักทั้งหมดเพื่อประกันความพึงพอใจ ซึ่งหมายความว่าถ้าลูกค้าเข้าพักแล้วไม่ได้รับความพึงพอใจเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ พวกเขาจะได้รับเงินคืน สัญญาข้อนี้สอดคล้องอย่างยิ่งกับความต้องการของลูกค้าอยากได้บริการมาตรฐานสูงสม่ำเสมอจากโรงแรมในเครือทุกแห่งที่พวกเขาเข้าไปใช้บริการ

พรีเมียร์ อินน์ ภาคภูมิใจที่ได้มุ่งเน้นบริการที่เป็นเลิศและให้ความคุ้มค่าสูงสุดแก่ผู้เข้าพัก ห้องพักทั้งหมดมีสิ่งอำนวยความสะดวก ดังนี้

- เตียงขนาดควีนไซส์เพื่อความสบายสูงสุด ซึ่งเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียวหรือมาเป็นคู่

- ห้องพักสำหรับครอบครัวมีเตียงคู่พร้อมเตียงเสริมแบบ pull-out bed หรือโซฟา ซึ่งรองรับผู้เข้าพักได้ถึง 4 คนได้สบาย

- ผ้านวมและหมอนแบรนด์ Fogarty ที่นุ่มสบาย พร้อมผ้าม่านทึบสำหรับการนอนหลับที่เงียบสบายไร้แสงรบกวนตลอดคืน

- ห้องน้ำในตัว พร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัวที่ไหลแรงชุ่มฉ่ำ

- โทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ พร้อมช่องรายการทั้งในและต่างประเทศ

- บริการ WiFi ฟรี สำหรับผู้เข้าพัก พร้อมโต๊ะทำงานที่กว้างขวาง เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่เดินทางติดต่อธุรกิจ

- ของใช้ในห้องน้ำ เครื่องเตรียมชาและกาแฟ และเครื่องเป่าผม

บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่พรีเมียร์ อินน์ มีไว้ในโรงแรมในเครือ ได้แก่ บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่มีคุณภาพ พร้อมบริการด่วนสำหรับนักเดินทางที่รีบเร่งและบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าแบบรับประทานได้ไม่อั้นสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารแบบ full meal นอกจากนี้ โรงแรมในเครือหลายแห่งยังมีร้านอาหารและบาร์เพื่อความสะดวกในการเลือกรับประทานอาหารและแหล่งบันเทิงคุณภาพมากมาย และด้วยแบรนด์น้องอย่างคอสต้า (Costa) ซึ่งเป็นเชนร้านกาแฟที่ใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในสหราชอาณาจักร ด้วยสาขากว่า 2,200 สาขาทั่วโลก พรีเมียร์ อินน์ พร้อมนำเสนอสุดยอดประสบการณ์ร้านกาแฟในโรงแรมในเครือหลายแห่ง

ปัจจุบัน พรีเมียร์ อินน์ มีห้องพักไว้บริการมากกว่า 49,000 ห้องพักทั่วทั้งสหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง และอินเดีย โดยได้ประกาศแผนขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วและตั้งเป้าจะขยายให้ถึง 65,000 ห้องในสหราชอาณาจักรเพียงแห่งเดียวภายในปี 2016 ตอกย้ำความเป็นเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร นอกจากเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วสหราชอาณาจักร พรีเมียร์ อินน์ ได้ขยายธุรกิจไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก รวมทั้งที่ดูไบและอาบูดาบีในตะวันออกกลาง และบังกาลอร์และนิวเดลีในอินเดีย พร้แมแผนที่จะเปิดเพิ่มอีกในตะวันออกกลาง อัฟริกาและเอเชียใต้

สร้างโอกาสใหม่ๆ ในตลาดนักท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตทั้งในระดับนานาชาติและภายในภูมิภาค

ข้อมูลที่เปิดเผยล่าสุดจากสมาคม Pacific Asia Travel Association ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมจากประเทศต่างๆ ที่เดินทางเข้ามาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตร้อยละ 7 โดยมีภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตแซงหน้าภูมิภาคอื่นของโลก ด้วยอัตราเติบโตกว่าร้อยละ 11

ตลาดสำคัญๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย เป็นจุดหมายยอดนิยมของนักเดินทางทั่วโลกมานานแล้ว ขณะที่ตลาดเกิดใหม่อย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม และอื่นๆ ช่วยกระตุนการเติบโตของภูมิภาคนี้

นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการระบุอีกว่า การถือกำเนิดขึ้นของฐานลูกค้าที่ขยายตัวในหลายประเทศในตลาดเอเชียเป็นสัญญาณบวกสำหรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของตลาดเหล่านี้ในฐานะจุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลก จากการที่สายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาคกำลังเร่งเพิ่มเส้นทางบินใหม่ และการเชื่อมจุดหมายหลายแห่งที่ยังไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อนหน้านี้กับฮับสำคัญๆ ภายในภูมิภาค เช่น อินเดียและจีน ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและเดินทางแบบประหยัดมีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืน

พรีเมียร์ อินน์ มุ่งจะนำประสบการณ์ที่ได้ส่งสมมาจากการดำเนินธุรกิจในหลายประเทศสู่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวแบบประหยัด มร. เอริค แวน คูเลน กล่าวเสริมว่า "ในเอเชีย เครือโรงแรมระดับนานาชาติส่วนใหญ่มุ่งเน้นนำเสนอบริการหรูสำหรับตลาดบน ด้วยเหตุนี้เซกเม้นท์โรงแรมราคาประหยัดในส่วนต่างๆ ของโลกจึงยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น คำมั่นสัญญาของพรีเมียร์ อินน์ที่จะมอบที่พักที่สะดวกสบายในราคาที่ไม่แพงจึงเป็นแนวคิดที่น่าสนใจสำหรับตลาดนักเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนและติดต่อธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว”

เกี่ยวกับ พรีเมียร์ อินน์

พรีเมียร์ อินน์ เป็นแบรนด์โรงแรมแถวหน้าที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร มีโรงแรมราคาประหยัดในเครือกว่า 630 แห่ง และมีห้องพักกว่า 49,000 ห้องทั่วสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ตะวันออกกลาง และอินเดีย ห้องนอนของโรงแรมในเครือพรีเมียร์ อินน์ มีห้องน้ำในตัว โทรทัศน์พร้อมระบบ Freeview และบริการอินเทอร์เน็ต WiFi โรงแรมในเครือพรีเมียร์ อินน์ ทั้งหมด ซึ่งมีบาร์และร้านอาหารที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมหรืออยู่ติดกัน ล้วนมีเมนูอาหารหลากหลายให้เลือก

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.premierinn.com

เกี่ยวกับโรงแรมและร้านอาหารในเครือวิทเบรด

Whitbread Hotels and Restaurants (WHR) เป็นส่วนหนึ่งของ Whitbread PLC ที่ดำเนินธุรกิจในฐานะผู้นำตลาดโรงแรมและร้านอาหารราคาประหยัด

พรีเมียร์ อินน์ ซึ่งเป็นเครือโรงแรมราคาประหยัดที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ประกอบด้วยแบรนด์ Beefeater, Brewers Fayre, Table Table และ Taybarns

เกี่ยวกับบริษัท วิทเบรด จำกัด (มหาชน)

บริษัท วิทเบรด จำกัด (มหาชน) เป็นเครือโรงแรมและร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร ที่ดำเนินธุรกิจในฐานะผู้นำตลาดในโรงแรมราคาประหยัด รวมทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟ แบรนด์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Premier Inn, Beefeater, Fayre Brewers, Table Table, Taybarns และ Costa

วิทเบรดมีพนักงานรวมกว่า 40,000 คนทั่วโลก และให้บริการลูกค้ามากกว่า 20 ล้านคนต่อเดือนในกว่า 2,000 สาขา* ทั่วสหราชอาณาจักร

วิทเบรดได้ร่างแผนสร้างการเติบโต 5 ปี (ถึงปี 2015/16) เพื่อเพิ่มจำนวนของห้องพักของ พรีเมียร์ อินน์ ในสหราชอาณาจักร เป็นอย่างน้อย 65,000 ห้อง ร้านอาหารแห่งใหม่อีก 80-100 สาขา และเป็นเกือบสองเท่าของขนาดของคอสตา ด้วยยอดขายระบบบริหารโรงแรมรวมทั่วโลก 1.3 พันล้านปอนด์ และร้านค้าทั่วโลก 3,500 แห่ง

เมื่อสิ้นสุดปีการเงิน ณ วันที่ 1 มีนาคม 2012 วิทเบรดรายงานว่ารายได้รวมทั้งกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น 11.2% เป็น 1,778.0 ล้านปอนด์ และมีกำไรก่อนหักภาษี 320.1 ล้านปอนด์ หรือเพิ่มขึ้น 11.3%

วิทเบรดเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange) และเป็นอยู่ในดัชนี FTSE 100 นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของดัชนี FTSE4Good อีกด้วย

*ไม่รวมร้านในเครือ Costa Franchise และ Costa Express

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.whitbread.co.uk

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ