- เด็กและวัยรุ่นกว่า 3,000 คน ในชุมชนย่านวิล่าครูไซโร่ แห่งเมืองริโอเดจาเนโร จะได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ดีขึ้น
- โรงเรียนรัฐบาลสองแห่ง และ องค์กรพัฒนาเอกชนท้องถิ่น ที่มีชื่อว่า Social Attitude จะสามารถเข้าถึงระบบสื่อสารไร้สายได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- โครงการนี้ถูกริเริ่มขึ้นโดย Connect To Learn ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนยุคใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยีการสารสนเทศเข้ามาช่วยอย่างมีประสิทธิภาพ
เทเลโฟนิก้า|วิโว่ (Telefonica|Vivo) ได้ร่วมมือกับ อีริคสัน (Ericsson) เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาที่ดีขึ้น ให้กับเด็กและวัยรุ่นกว่า 3,000 คน ในชุมชนย่านวิล่าครูไซโร่ (Vila Cruzeiro) แห่งเมืองริโอเดจาเนโร (Rio de Janeiro) ผ่านเครือข่ายอินเตอร๋เน็ทบรอดแบนด์ไร้สาย และบริการพิเศษอื่นๆผ่านระบบ Cloud
ภายใต้โครงการนี้ วิโว่ จะช่วยจัดหาบริการอินเตอร์เน็ทความเร็วสูง ส่วน อีริคสัน จะช่วยจัดหาโซลูชั่นและเครื่องมือด้านไอซีทีต่างๆ ให้แก่ โรงเรียนรัฐบาลสองแห่ง คือ CIEP Jos? Carlos Brand?o Monteiro และ Joracy Camargo รวมทั้งอีกหนึ่งองค์กรพัฒนาเอกชนท้องถิ่นที่มีชื่อว่า Social Attitude อีกด้วย
โดยทั้งโรงเรียนและองค์กรพัฒนาเอกชนท้องถิ่น จะได้รับเครื่องคอมพิวเตอร์เน็ทบุ๊ค ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทไร้สายได้ เพื่อช่วยให้ทั้งคุณครูและนักเรียน สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการศึกษาที่มีอยู่อย่างกว้างขวางบนโลกอินเตอร์เน็ท โดยโครงการนี้ประสบสำเร็จได้ด้วยความคิดริเริ่มขององค์กร Connect To Learn ซึ่งมีเป้าหมายในการสนับสนุนให้โรงเรียนมัธยมหลายแห่งทั่วโลก มีโอกาสเข้าถึงสือและข้อมูลทางการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยการใช้เทคโนโลยีไอซีทีเข้ามาช่วย รวมทั้งการให้ทุนการศึกษาระยะยาวแก่เด็กนักเรียนในโรงเรียนเหล่านี้
ลูเซียน ดิแอซ (Luciene Dias) ผู้อำนวยการภูมิภาคของ เทเลโฟนิก้า|วิโว่ ได้อธิบายว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการใช้งานอินเทอร์เน็ตภายในโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้ง “มูลนิธิเทเลโฟนิก้า จะช่วยสนับสนุนให้นักเรียนและบุคลากรของโรงเรียน มีการพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ภายในโรงเรียนอีกด้วย"
นอกจากการสนับสนุนด้านบริการอินเตอร์เน็ทแล้ว เทเลโฟนิก้า ยังได้ให้การสนับสนุนแก่สำนักงานการศึกษาแห่งเมืองริโอเดจาเนโรและยูเนสโก ผ่านมูลนิธิเทเลโฟนิก้า ในการจัดฝึกอบรมนักศึกษาฝึกงานเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้สอนการใช้เทคโนโลยีในห้องเรียนแบบดิจิตอล ในโรงเรียน 150 แห่ง ผ่านโครงการโรงเรียนแห่งอนาคต (Escolas do Amanh? หรือ Schools of Tomorrow ในภาษาอังกฤษ)
อีเลน วีดแมน-กรุนวอลด์ (Elaine Weidman-Grunewald) รองประธานฝ่ายพัฒนาสำนึกเพื่อสังคมและความยั่งยืน ของอิริคสัน กล่าวว่า “เด็กทุกคนควรมีโอกาสทางการศึกษาทั้งสิ้น แต่ก็ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ถูกทิ้งให้ล้าหลังกว่าคนอื่น หน้าที่ขององค์กร Connect To Learn คือ การนำพลังแห่งเทคโนโลยีไอซีทียุคศตวรรษที่ 21 มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษา เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน”
โครงการนี้ได้นำเทคโนโลยีไอซีทีผ่านระบบ Cloud ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย อีริคสัน และเหล่าผู้ให้การสนับสนุนองค์กร Connect To Learn สำหรับใช้ในโรงเรียน และใช้ประสบการณ์จริงขององค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ โดยระบบที่เลือกใช้นี้ได้ถูกออกแบบให้เหมาะกับผู้ใช้ที่มีความรู้ทางเทคโนโลยีน้อยมากๆหรือไม่มีเลย และการที่ระบบนี้สามารถเพิ่มโอกาสทางการศึกษาผ่านอินเตอร์เน็ทอย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่ลดลง ก็เพราะผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องทางเทคนิคที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันไวรัส การทำซอฟท์แวร์อัพเดต การลงโปรแกรม หรือการบำรุงรักษาระบบในแง่อื่นๆ เพราะงานเหล่านี้ถูกจัดการโดยระบบ Cloud ทั้งสิ้น
เกี่ยวกับ Connect To Learn
Connect To Learn ถูกตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2010 โดยการร่วมมือกันของสามองค์กร คือ สถาบันโลกแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งทำหน้าที่จัดหาแนวทางเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน อิริคสัน และ Millennium Promise อันเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งเมืองนิวยอร์ค ซึ่งทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งการพัฒนาสหัสวรรษขององค์การสหประชาชาติ โปรแกรมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เด็กทั่วโลกโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลทางการศึกษาคุณภาพสูงได้ โดยเหล่าผู้ร่วมสนับสนุนต่างเข้าใจถึงบทบาทที่เปลี่ยนไปของอินเตอร์เน็ทความเร็วสูง และเทคโนโลยีทางไอซีทีอื่นๆ ที่สามารถทำให้เด็กจำนวนมากมีโอกาสเข้าถึงแหล่งข้อมูลและบริการทางการศึกษาที่เป็นประโยชน์ยิ่ง ผ่านระบบ Cloud และการเชื่อมต่อถึงกันระหว่างโรงเรียนต่างๆ นอกจากนั้นแล้ว Connect To Learn ยังให้ทุนการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสโดยเฉพาะเด็กผู้หญิง เพื่อให้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาอีกด้วย โดยโครงการนี้ได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ทั้งในทวีปอัฟริกา ลาตินอเมริกา คาริบเบียน และกลุ่มประเทศอาหรับ ได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลการเรียนการสอนอันมีคุณภาพ ผ่านระบบไอซีที และช่วยให้ทั้งนักเรียนและครูในชนบทห่างไกลและในเมือง ได้เข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ทได้อย่างอิสระ เพื่อเชื่อมต่อเด็กๆทั่วโลกเข้าด้วยกัน และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆเหล่านี้ด้วยการให้โอกาสทางการเรียนรู้ใหม่ๆแก่เขาเหล่านั้น
http://www.connecttolearn.org
เกี่ยวกับ เทเลโฟนิก้า|วิโว่
เทเลโฟนิก้า|วิโว่ เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในบราซิล โดยมีลูกค้าถึงกว่า 90 ล้านราย ในจำนวนนี้ ประมาณ 75.3 ล้านราย เป็นลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 29.63% ซึ่งถือเป็นเจ้าตลาดในธุรกิจนี้ และมีส่วนแบ่งตลาด 40% ในธุรกิจอินเตอร์เน็ท เทเลโฟนิก้า|วิโว่ ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานในรัฐเซาเปาโล และให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มีสินค้าและบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริการเสียงและอินเตอร์เน็ทความเร็วสูงผ่านระบบโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริการอินเตอร์เน็ทความเร็วสูงบนไฟเบอร์ ทีวี บริการด้านข้อมูลและไอทีอื่นๆ เทเลโฟ-นิก้า|วิโว่ ให้บริการอยู่ในกว่า 3,700 เมืองในประเทศบราซิล และในจำนวนเมืองเหล่านี้ 2,800 เมือง มีสัญญาณ 3G ของระบบวิโว่ครอบคลุมอยู่ ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในหมู่ผู้ให้บริการเครือข่าย 3G ในประเทศนี้ โดยเมื่อเปรียบเทียบขนาดของธุรกิจภายในกลุ่มเทเลโฟนิก้าทั่วโลก พบว่า ธุรกิจในประเทศบราซิลมีขนาดใหญ่ที่สุดในเชิงจำนวนผู้ใช้บริการและจำนวนพนักงาน (ประมาณ 100,000 คน) บริษัทหลักของกลุ่มเทเลโฟนิก้าในประเทศบราซิลประกอบด้วย บริษัทเทเลโฟนิก้าบราซิล (ภายใต้แบรนด์ เทเลโฟนิก้า|วิโว่), บริษัทเอเทนโต้ (ทำธุรกิจด้านคอลล์เซ็นเตอร์) และ บริษัทเทอร์ร่า (ทำธุรกิจด้านอินเตอร์เน็ท webportal และ internet provider) กลุ่มเทเลโฟนิก้าเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจสื่อสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีธุรกิจอยู่ใน 25 ประเทศ มีจำนวนผู้ใช้บริการถึง 309 ล้านราย มีจำนวนพนักงานกว่า 289,000 คน และมีรายได้ถึง 62.8 พันล้านยูโร ในปี ค.ศ. 2011 ปริมาณการลงทุนในประเทศบราซิลของกลุ่มธุรกิจนี้ในปี ค.ศ. 2011-2014 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 24.3 พันล้านบราซิลรีล (BRL)