ก่อนอื่นมาดูผลสำรวจภาวะการทำงานของประชากรในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งระบุว่ามีผู้ว่างงานประมาณ 450,000 คน โดยกรุงเทพมหานครมีอัตราการว่างงานสูงสุดถึง 3 แสนคน และพบว่าผู้ที่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยว่างงานสูงสุด 330,000 คน
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ประมาณการจำนวนนักศึกษาเข้าใหม่ระดับปริญญาตรี ระหว่างปี 2550 - 2559 คาดว่าจะมีประมาณ 500,000 คน / ปี และในช่วงเดียวกันจะมีบัณฑิตระดับปริญญาตรีจบใหม่ปีละประมาณ 3 - 4 แสนคน ในขณะที่ความต้องการแรงงานในเดือนมีนาคม 2555 พบว่ามีตำแหน่งงานว่างจำนวน 138,450 อัตรา
ดูตัวเลขแล้ว สัดส่วนระหว่างจำนวนนักศึกษาจบใหม่กับตำแหน่งงานว่างอยู่ที่ 1 ต่อ 3 ซึ่งหมายความว่าในจำนวนนักศึกษาจบใหม่ 3 คนจะมีเพียง 1 คนที่จะมีสิทธิ์ได้งานทำก่อนเพื่อน
จากสถิติการลงโฆษณาตำแหน่งงานในเว็บไซต์ JobsDB.com ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 (มกราคม — มิถุนายน) มีตำแหน่งงานที่นายจ้างต้องการจ้างงานกว่า 250,000 ตำแหน่ง แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับกลางที่มีประสบการณ์ในการทำงาน ร้อยละ 50 ในขณะที่รับเด็กจบใหม่ ร้อยละ 28 ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ร้อยละ 20 และตำแหน่งหัวหน้า หรือผู้บริหาร ร้อยละ 2
ทีนี้ มาดู 5 อันดับตำแหน่งงานที่นายจ้างต้องการตัวมากที่สุด ได้แก่ 1. เจ้าหน้าที่ธุรการและฝ่ายบุคคล 2. ฝ่ายขาย / บริการลูกค้าและพัฒนาธุรกิจ 3. ไอที 4. เจ้าหน้าที่การตลาดและประชาสัมพันธ์ 5. วิศวกร ส่วน 5 อันดับตำแหน่งงานที่ผู้หางานนิยมสมัครมากที่สุด ได้แก่ 1. เจ้าหน้าที่ธุรการและฝ่ายบุคคล 2. วิศวกร 3. ฝ่ายขาย / บริการลูกค้าและพัฒนาธุรกิจ 4. ไอที และ 5. เจ้าหน้าที่การตลาดและประชาสัมพันธ์
ข้อมูลข้างต้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหางาน โดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่ที่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวที่ดี เพื่อให้ตัวเองโดดเด่นเหนือคู่แข่ง
เรามาเริ่มกันที่ข้อแนะนำในการเขียนเรซูเม่หรือประวัติส่วนตัว และการเรียกเงินเดือน
- ควรเขียนเรซูเม่เป็นภาษาอังกฤษ เพราะจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้คุณดูน่าสนใจ
- เขียนให้ชัดเจนและตรงประเด็น จะทำให้คุณโดดเด่นจากผู้สมัครคนอื่น
- ความยาวปกติอยู่ที่ 1 - 2 หน้ากระดาษ ไม่เกิน 3 หน้ากระดาษ
- เลือกใช้คำสำคัญตามที่นายจ้างคาดหวัง เช่น คำบอกคุณสมบัติตามที่นายจ้างระบุในประกาศรับสมัครงาน
- เลือกใช้ศัพท์เฉพาะที่ใช้ในแวดวงธุรกิจที่คุณสมัคร
- ตรวจทานเรซูเม่ของคุณอย่างน้อย 2 - 3 รอบ
- จัดระเบียบเรซูเม่ของคุณให้อ่านง่าย สบายตา
- เน้นจุดแข็งของคุณให้ชัดเจน
การเรียกเงินเดือนสำหรับเด็กจบใหม่
ในฐานะที่คุณเป็นบัณฑิตจบใหม่และยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน คุณอาจให้บริษัทพิจารณาเงินเดือนในอัตราปกติของตลาดแรงงานที่จ่ายให้กับนักศึกษาจบใหม่ในแต่ละสายอาชีพ และเมื่อคุณทำผลงานได้เป็นที่พึงพอใจ ขอให้นายจ้างพิจารณาเงินเดือนให้คุณอีกครั้งเมื่อพ้นระยะการทดลองงาน
ส่วนข้อแนะนำในการเข้าสัมภาษณ์งาน / การแต่งกาย
- ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ และบริษัทนั้นๆ ก่อนวันสัมภาษณ์งาน
- กล่าวทักทายผู้สัมภาษณ์
- สบตาผู้สัมภาษณ์ระหว่างตอบคำถาม
- มีรอยยิ้มเสมอ
- พูดในความเร็วปกติ ไม่ช้า ไม่เร็วจนเกินไป
- ตอบคำถามด้วยความจริงใจ หากพบกับหัวข้อคำถามที่ไม่คุ้นเคย
- ขอบคุณผู้สัมภาษณ์เมื่อสิ้นสุดการสัมภาษณ์
สุดท้าย ข้อแนะนำในด้านทัศนคติและแนวคิดในการเริ่มต้นชีวิตการทำงาน
- ควรมีทัศนคติบวก คิดและมองโลกในแง่ดี คิดบวกเสมอ ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาผู้สมัครงานไม่น้อยไปกว่าความสามารถเลย สิ่งที่คุณคิดจะแสดงออก ผ่านการกระทำและคำพูดของคุณ เมื่อ HR ได้พูดคุยกับคุณหรือให้คุณทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ เขาก็จะรู้ได้ว่าคุณเป็นคนอย่างไร การคิดบวกจะนำพาคุณไปสู่ชีวิตสว่างไสว ไม่ยอมอับจนต่อปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในขณะที่การคิดลบ จะพาคุณติดอยู่กับสิ่งแย่ๆ ในชีวิต หากคุณเป็นนายจ้างคุณจะรับคนแบบไหนเข้าทำงาน แน่นอนว่า คนที่คิดบวกย่อมเป็นผู้ถูกเลือก ลองปรับเปลี่ยนทัศนคติด้วยการมองสิ่งต่างๆ ในมุมบวกเสมอ ไม่ใช่แค่จะเพิ่มโอกาสได้งาน แต่จะเพิ่มความสุขในชีวิตของคุณเองด้วย
- การเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความสามารถด้านภาษา การสื่อสาร และการนำเสนองาน ดึงจุดเด่นออกมา คุณมีความชอบ ความสนใจในด้านใด ควรเรียนรู้และฝึกฝนให้ชำนาญ โดยเฉพาะทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน คุณอาจหาหนังสือมาอ่านและทดลองทำด้วยตนเอง หรือลงเรียนคอร์สที่สนใจเพิ่มเติม เช่น เรียนภาษา ดีไซน์ ถ่ายภาพ เขียนโปรแกรม แน่นอนว่าสิ่งที่คุณร่ำเรียนและฝึกฝนจะช่วยให้คุณมีความโดดเด่นเมื่อ คุณไปสมัครงาน และมีโอกาสได้ทำงานในฝันสมใจ
- Passion อยากจะบอกว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุดก็ว่าได้ เพราะถ้าคุณมีแรงปรารถนาในสิ่งที่คุณทำมากๆ รัศมีความสนใจใฝ่รู้มันจะแผ่ขยายออกไปรอบๆ ตัวคุณ จนคนอื่นเขารับรู้ได้เอง เวลาสัมภาษณ์งาน เขาก็มองเห็นแววตาที่เปล่งประกายบ่งบอกให้เห็นความอยากทำงานด้วยความจริงใจ ใครมีความปรารถนาแรงกล้ามาก ก็จะได้เปรียบเด็กคนอื่นที่ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร เวลาสัมภาษณ์งานก็ไม่มีอะไรแสดงให้เขาเห็นว่าคุณมีความทะยานอยากได้งานนี้จริงๆ เขาก็ไปเลือกคนอื่นดีกว่า สุดท้ายขนาดตัวเราเองยังไม่มีความสนใจ แล้วใครจะมาสนใจในตัวเราล่ะ
รู้อย่างนี้แล้ว หวังว่าน้องๆ คงจะรู้แนวทางในการสมัครและสัมภาษณ์งานเพื่อให้ได้งานกันมากขึ้นแล้ว แต่ถ้าหากยังไม่ได้รับการพิจารณาเข้าทำงานล่ะก็ อย่าเพิ่งหมดหวัง และขอให้เชื่อว่ามีคนที่ต้องการตัวเรารออยู่ข้างหน้า
บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด
มณสิณีย์ ตั้งวงศ์ตระกูล
โทร. 02-610-2392