นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (Mr. Tawatchai Sudtikitpisan, Chief Executive Officer and President of Kiatnakin Bank Plc.) เปิดเผยว่า “ภาพรวมการดำเนินธุรกิจใน 6 เดือนแรกของปี 2555 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2555) ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 1,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยสินทรัพย์รวม 223,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% จากสิ้นปี 2554 ส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง คำนวณตามเกณฑ์ Basel II อยู่ที่ 14.01% ด้านสินเชื่อรวมมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเติบโตเพิ่มขึ้น 13.5% จากเป้าที่วางไว้ 21% ซึ่งมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ปัจจัยหลักที่ทำให้สินเชื่อของธนาคารเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 13.5% และมียอดรวมอยู่ที่ 154,062 ล้านบาท นั้น มาจากสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลัก และลดระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) โดยมาอยู่ที่ 3.4% จากสิ้นปีที่ 3.5% ในส่วนของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2555) อยู่ที่ระดับ 4.0%”
ด้านธุรกิจหลักของธนาคารคือสินเชื่อรายย่อย มียอดรวมอยู่ที่ 117,062 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76% ของสินเชื่อรวม ในจำนวนนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ขยายตัวได้สูงถึงร้อยละ14.3% ได้รับปัจจัยบวกจากยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมาตรการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ให้เติบโต ขณะเดียวกัน มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมได้สิ้นสุดลง ทำให้ธนาคารกลับมารับรู้รายได้ดอกเบี้ยในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อในไตรมาส 2/2555 ทำให้อัตราผลตอบแทนของสินเชื่อปรับตัวดีขึ้น
ส่วนสินเชื่อธุรกิจ (ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจ SMEs) มียอดรวมที่ 35,255 ล้านบาท คิดเป็น 15.6% ของสินเชื่อรวม ที่เหลือคือสินเชื่อสายบริหารหนี้ อยู่ที่ 1,427 ล้านบาท
สำหรับหนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) มีจำนวน 199,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% จากสิ้นปี 2554 แบ่งเป็นเงินฝาก 106,614 ล้านบาท (53.6%) ตั๋วแลกเงิน 47,450 ล้านบาท (23.8%) หุ้นกู้ 27,993 ล้านบาท (14.1%) และอื่นๆ 16,988 ล้านบาท (8.5%) ส่วนของความคืบหน้าการร่วมกิจการและร่วมบริหารงานระหว่างธนาคารกับบริษัททุนภัทร จำกัด (มหาชน) นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะทราบผลการพิจารณาอนุญาตในเดือนกรกฎาคม 2555 นี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ทางฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (Kiatnakin Intelligence: KKI) มองว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของปี จากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน แม้การส่งออกจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป อย่างไรก็ตาม คาดว่าวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรปที่เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางต่าง ๆ น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจโลกและการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี ทั้งนี้ ยังมีประเด็นที่เป็นความเสี่ยง ได้แก่ 1) เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง และความผันผวนของภาคการเงินโลก อาจทำให้การส่งออกขยายตัวต่ำกว่าคาด และกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก และ 2) สภาพคล่องในระบบการเงินที่ตึงตัว ทั้งจากสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นและจากแนวโน้มการระดมทุนของภาครัฐ ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์แข่งขันระดมเงินฝากและทำให้อัตราดอกเบี้ยในระบบการเงินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นแม้ดอกเบี้ยนโยบายจะไม่ปรับขึ้นก็ตาม ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการบริโภคและลงทุนภาคเอกชนในระยะต่อไป
ตัวเลขที่สำคัญทางการเงิน
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)
ล้านบาท
ข้อมูล 30 มิ.ย. 55 31 ธ.ค. 54 เปลี่ยนแปลง(%)
สินเชื่อและลูกหนี้รวม 154,062 135,749 13.5
สินเชื่อรายย่อย 117,062 103,210 13.4
? สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 110,795 96,946 14.3
? สินเชื่อบุคคล 3,145 3,079 2.1
? สินเชื่อMicro SMEs 1,695 1,667 1.7
? สินเชื่อเคหะ 1,426 1,517 (6.0)
สินเชื่อธุรกิจ 35,255 30,491 15.6
? สินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 18,958 16,851 12.5
? สินเชื่อSMEs 16,296 13,640 19.5
สินเชื่อสายบริหารหนี้ 1,427 1,601 (10.9)
สินเชื่ออื่นๆ 319 446 (28.4)
สินทรัพย์รวม 223,865 189,327 17.8
หนี้สินรวม 199,044 165,731 20.1
กำไรสุทธิ 1,395 2,859
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 3.3% 3.5%
เงินปันผลต่อหุ้น n.a. 2.40 บาท
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 4.0% 4.3%