กระทรวงฯ และ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของ นักบริหารของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้มีความพร้อมทั้งความรู้ และความสามารถทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงจัดให้มีโครงการส่งเสริมศักยภาพบุคลากรขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหารสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นเครื่องมือในการกำหนดยุทธศาสตร์ขององค์กร และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการวางแผนขับเคลื่อนองค์กรสู่การบริการประชาชนให้เกิดความสะดวก รวดเร็วและใช้งานได้ง่าย รวมทั้งเพื่อให้ผู้บริหารเข้าใจกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสามารถกำหนดนโยบายองค์กรให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารจัดการ ติดตาม และกำกับดูแล ได้อย่างทั่วถึงตามหลักธรรมาภิบาล ตลอดจนสามารถใช้สารสนเทศอย่างมีวิจารณญาณและรู้เท่าทัน (Information Literacy) ด้วย
ในการดำเนินการโครงการฯ ได้มีการจัดอบรมให้แก่ผู้บริหารระดับสูง อาทิ รองอธิบดี ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลนโยบายและการปฏิบัติงานด้านนโยบายและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ด้วยการจัดหลักสูตร “นักบริหารรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์” เพื่อให้เกิดความแตกต่าง และผลักดันให้มีการพัฒนาบุคลากรในระดับผู้บริหารของภาครัฐ ให้มีความรู้เพิ่มเติมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
“การอบรมฯ ในหลักสูตรนี้ นับว่าเป็นก้าวหนึ่งที่มีความสำคัญต่อผู้บริหาร ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมในการบริหารงานด้วยการนำ ICT มาวางแผนและกำหนดนโยบายด้าน ICT ให้กับองค์กร กระทรวงฯ และ สรอ. จึงได้ออกแบบหลักสูตรฯ ให้ครอบคลุมภารกิจของผู้บริหารที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับวิทยากร โดยเนื้อหาหลักสูตรฯ จะเน้น 4 เรื่องหลัก คือ 1. กำหนดยุทธศาสตร์องค์กรด้วย IT และวางแผนเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. การบริหารจัดการโครงการ งบประมาณและบริการภาครัฐ 3. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศภาครัฐ และ 4.การเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลภาครัฐเข้าด้วยกัน
กระทรวงฯ มั่นใจว่าการอบรมครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถวางแผนระดับยุทธศาสตร์ของภาครัฐโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นตัวชี้นำในการขับเคลื่อนองค์กร เป็นเครื่องมือในการให้บริการประชาชน และ ในการบริหารงาน ตลอดจนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีโอกาส ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับผู้บริหารจากหลายหน่วยงาน อีกด้วย” นายณัฐพงศ์ กล่าว