สำหรับคอนโดมิเนียมในบริเวณพัทยาใต้ส่วนใหญ่ยังคงเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ ปัจจุบันจอมเทียนเป็นโซนใหม่ที่มีดีมานด์สูง มีชาวรัสเซียเป็นผู้ซื้อกลุ่มสำคัญโดยมีทำเลที่ชอบเป็นพิเศษคือเขาพระตำหนักและจอมเทียนสาย 2 โดยห้องสตูดิโอขนาด 28 ตารางเมตรในโครงการระดับโลว์เอ็นด์ที่เห็นวิวทะเลบ้างขายกันอยู่ที่ราคายูนิตละ 900,000 บาท และหลังจากที่การปรับปรุงถนนในบริเวณจอมเทียนสาย 2 เสร็จสิ้นก็ทำให้ทำเลดังกล่าวดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นและมีคอนโดมิเนียมระดับโลว์เอ็นด์โครงการใหม่ๆเกิดขึ้นแล้วอย่างเช่น ลากูน่า บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ซื้อชาวรัสเซีย
นางสาวริษิณี กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 มียูนิตคอนโดมิเนียมประมาณ 5,500 ยูนิตจากโครงการใหม่ 12 โครงการ คอนโดมิเนียมส่วนมากที่เปิดตัวปีนี้มีโครงการระดับราคาประหยัดซึ่งมีราคายูนิตในช่วง 0.9 — 1.8 ล้านบาทด้วย
โดยทั่วไปแล้วราคาขายของคอนโดมิเนียมในพัทยาจะขึ้นอยู่กับระยะระหว่างตัวโครงการและชายหาด ยิ่งใกล้หาดเท่าใดก็ยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น โครงการที่มีราคาต่ำกว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตรส่วนมากจะอยู่ค่อนข้างไกลจากชายหาดหรือประมาณสองกิโลเมตร อาทิ De Blue, Unicca และ เดอะทรัสต์ เรสซิเด้นซ์ โครงการที่มีราคาสูงกว่า 60,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตรจะอยู่ในเขตเมืองอย่างเช่นพัทยาใต้ซึ่งมีร้านอาหารระดับโลก แหล่งช้อปปิ้งเกิดใหม่ และเป็นย่านกลางคืนชื่อดังอย่างเช่นวอล์คกิ้งสตรีท โครงการที่อยู่ในข่ายนี้ ได้แก่ ซิกตี้ ซิก คอนโดมิเนียม, Centara Avenue Residence and Suites, Grand Carribean และ ซิตี้การ์เด้น คอนโดมิเนียม สำหรับโครงการที่มีราคาเกินกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรจะเป็นโครงการประเภทเห็นวิวทะเลตั้งแต่พัทยาเหนือ พัทยาใต้ไปจนถึงจอมเทียน
สำหรับโซนพระตำหนักนั้นเป็นที่น่าสังเกตว่าห้องซีวิวมีราคาต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร เพราะว่าแม้จะได้วิวทะเลก็จริงแต่ระยะทางที่จะต้องเดินทางไปชายหาดนั้นไกลมากเนื่องจากบริเวณพระตำหนักไม่มีชายหาดเป็นของตนเอง
ในปีนี้มีคอนโดมิเนียมในกลุ่มซีวิวเปิดใหม่เพียงสามโครงการ ได้แก่ Waterfront, Centara Grand Residence Pattaya และ Movenpick White Sand Beach Pattaya โดยโครงการสุดท้ายนี้เป็นโครงการในบริเวณนาจอมเทียนที่เปิดตัวใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทั้งสามโครงการจัดอยู่ในกลุ่มคอนโดมิเนียมแบรนด์โรงแรมซึ่งไม่มีการรับประกันว่าเมื่อซื้อไปแล้วจะมีผู้มาเช่า แต่ก็มีการเสริมมูลค่าในทางอื่นแทนผ่านทางการเชื่อมโยงกับแบรนด์ของโรงแรม
โครงการลักษะนี้ไม่เหมือนกับบ้านพักตากอากาศแบรนด์โรงแรมที่ให้บริการในการบริหารเพื่อให้เกิดผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง พัทยายังไม่มีโครงการใดที่จัดว่าเป็นบ้านพักตากอากาศแบรนด์โรงแรมอย่างแท้จริง โครงการลักษณะนั้นในประเทศไทยมักจะอยู่ในจังหวัดภูเก็ตอย่างเช่น Amanpuri ของเอเดรียน เซชานักพัฒนาโรงแรมชื่อดังหรือของบูติคแบรนด์ระดับลักชัวรี่ชั้นนำอย่าง Banyan Tree ทั้งสองโครงการนี้เปิดโอกาสให้ลูกค้าเป็นเจ้าของยูนิทในโรงแรมระดับหรูทั้งคู่ อีกหนึ่งโครงการเด่นก็คือ Laguna Phuket ของ Laguna Resorts & Hotels ซึ่งประกอบด้วยหลายโครงการในพื้นที่เดียวกัน โครงการลักษณะนี้จะมีการบริหารโดยแบรนด์ระดับอินเตอร์อย่างเช่น Sheraton, Allamanda, Banyan Tree, Dusit และ Outrigger
บ้านพักตากอากาศแบรนด์โรงแรมมีการรับประกันผู้เช่าโดยมีผลตอบแทน 5-7% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ เจ้าของยูนิตสามารถจองวันที่จะเข้าพักเองได้ตามจำนวนที่กำหนดในแต่ละปีแล้วทางโครงการจะกันยูนิตในวันอื่นๆที่เหลือไว้เพื่อให้เช่าตามเรทรายวันจนเกิดผลตอบแทนดังกล่าวในที่สุด