การจัดการข้อมูลหลัก (Master Data Management: MDM) กำลังกลายเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงกันมากขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุก็เพราะองค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องผสานรวมข้อมูลของทั้งองค์กรเข้าไว้ด้วยกัน ขณะที่การปฏิบัติตามกฎระเบียบ การผนวกรวม และการเข้าซื้อกิจการ ตลอดจนแรงผลักดันในการเพิ่มขีดความสามารถด้านบริการและผลกำไรแบบยั่งยืนล้วนกระตุ้นให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องนำเสนอข้อมูลอย่างรวดเร็ว ความท้าทายนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ โดยจะเห็นได้ว่าการทำให้ข้อมูลสำคัญมีความสอดคล้องกันทั่วทั้งองค์กรนั้นกำลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ ผ่านมา
เราจะดำเนินการได้อย่างไร
กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา มีคลื่นเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากข้อมูลผ่านการรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันเป็นระบบหนึ่ง โดยไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของซัพพลายเชน การปรับปรุงด้านการวางแผนทรัพยากร หรือการเข้าถึงและสร้างความคุ้นเคยกับลูกค้าของคุณ แนวความคิดเหล่านี้ก็มักจะถูกนำไปใช้เพื่อทำตลาดและจัดจำหน่ายโซลูชั่นในรูปของซอฟต์แวร์สำเร็จรูป
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าโซลูชั่นเหล่านี้จะเป็นความหวังมากกว่าที่จะสามารถนำไปใช้ได้อย่างประสบผล เนื่องจากประการแรก โซลูชั่นจะมีประสิทธิภาพเต็มที่ก็ต่อเมื่อข้อมูลมีความพร้อมใช้งานและมีคุณภาพในระดับสูงเท่านั้น ประการที่สอง โซลูชั่นจะไม่สามารถนำเสนอประสิทธิภาพครอบคลุมทุกหน่วยงานได้ตามที่องค์กรต้องการ ประการที่สาม โซลูชั่นไม่ได้แยกออกจากส่วนธุรกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ของธุรกิจแต่ถูกผสานรวมเข้ากับขอบเขตด้านการวิเคราะห์และการปฏิบัติงาน
ด้วยเหตุนี้การจัดการข้อมูลหลัก (MDM) จึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับโปรแกรมการจัดการสารสนเทศสำหรับองค์กร โดย MDM มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างแอปพลิเคชั่นทางธุรกิจและการจัดการสารสนเทศให้สอดคล้องกัน เกิดการรวมศูนย์ และสามารถผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งนั่นจะช่วยให้แน่ใจได้ว่าข้อมูลคุณภาพสูงจะถูกนำเข้าไปยังแอพพลิเคชั่นการวิเคราะห์ขององค์กรและสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพออกมาได้ การที่ MDM มาพร้อมกับความสามารถด้านการวิเคราะห์ที่เข้มแข็ง ทำให้ MDM กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์ที่นำเสนอกลไกในการแยกมูลค่าที่แท้จริงของสารสนเทศออกจากคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับใช้ MDM ในองค์กรที่ซับซ้อนอาจเป็นเรื่องใหญ่และเป็นอุปสรรคในการดำเนินงานได้ ต่อไปนี้คือขั้นตอนสำคัญห้าประการที่จะช่วยคุณเริ่มต้นดำเนินการ
1) เรียนรู้ที่จะเล่นอย่างเหมาะสมในแต่ละกระบะทรายของผู้อื่น
การข้ามขอบเขตระหว่างหน่วยงานหมายความว่า ส่วนต่างๆ ทั้งหมดของธุรกิจจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้บทบาทที่เหมาะสมของตนเมื่อต้องเข้าไปคาบเกี่ยวกับส่วนงานแต่ละส่วนของบุคคลอื่น การออกกฎควบคุมขององค์กรถือเป็นความพยายามในการกำหนดทักษะ กระบวนความรู้ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีที่จะนำมาปรับใช้ ขณะที่แนวทางด้าน MDM หมายความว่าคุณจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ในการมองข้ามขอบเขตของแต่ละแผนก ประกอบกับการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของระบบซอฟต์แวร์องค์กรและแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งองค์กรผ่านจุดติดต่อสื่อสารหลายช่องทาง รวมทั้งการมีช่องทางการแจกจ่ายที่ซับซ้อน และซัพพลายเชนแบบผสานรวม ทำให้การจัดการกระบวนการทางธุรกิจ (BPM) และสถาปัตยกรรมเชิงบริการ (SOA) กลายเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้แน่ใจได้ว่าส่วนประกอบต่างๆ จะได้รับการแบ่งปันและนำกลับมาใช้ใหม่ อีกทั้งยังจะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้นผ่านนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และการผสานรวมเข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
2) ล้างข้อมูล
MDM เข้ามาช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่างโลกแห่งการปฏิบัติงานและโลกแห่งการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการนำเสนอข้อมูลที่จำเป็นสำหรับองค์กรได้อย่างครบถ้วน สอดคล้อง และถูกต้องแม่นยำ จะเห็นได้ว่าเมื่อองค์กรเติบโตและจำเป็นที่จะต้องจัดการสินทรัพย์ข้อมูลที่สำคัญของตน ข้อมูลหลักจะถูกจัดการจากส่วนกลางครอบคลุมในทุกส่วนธุรกิจ จุดศูนย์กลางดังกล่าวถูกแวดล้อมไปด้วยบริการต่างๆ ที่จะช่วยในการระบุ เชื่อมโยง และซิงโครไนซ์แหล่งข้อมูลต่างๆ ให้ตรงกัน บริการเหล่านี้มีความจำเป็นต่อการสนับสนุนวงจรชีวิตของออบเจ็กต์ข้อมูลที่สำคัญเพื่อให้เกิดการคงอยู่ในระยะยาว เกิดกระบวนการและลักษณะการทำงานที่เป็นไปตามนโยบาย และด้วยการควบคุมที่เหมาะสมนี่เองที่ทำให้ข้อมูลที่มีคุณภาพได้รับการปรับใช้กับแอพพลิเคชั่นที่ทำงานข้ามระบบ อีกทั้งการวิเคราะห์ยังช่วยให้เกิดความสามารถด้านการตัดสินใจได้โดยอัตโนมัติในแบบเรียลไทม์
3) ทำนายอนาคต
การวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ถือเป็นขั้นตอนทั่วไปของ MDM เนื่องจากระบวนการต่างๆ จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันผ่านการจัดระเบียบซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างกระบวนการทางธุรกิจให้สมบูรณ์ด้วยการวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น การใช้คะแนนเครดิตของลูกค้าเพื่อตอบรับหรือปฏิเสธความน่าเชื่อถือ การเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียกเก็บเงิน และแคมเปญด้านการตลาด เมื่อมีการแบ่งปันการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ เช่น คะแนนเครดิต และมูลค่าระยะยาวตามที่องค์กรคาดไว้ องค์กรก็จะสามารถให้บริการกับลูกค้าตามกระบวนการทางธุรกิจที่แตกต่างกันได้โดยอาศัยระบบอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพ
4) สร้างกฎและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าข้อมูลเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับองค์กรในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติงานในระดับสูงสุด ตลอดจนสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เชิงนวัตกรรมขึ้นมา และเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ องค์กรจะต้องพัฒนาโปรแกรมควบคุมข้อมูล (Data Governance) ที่เกิดการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเมื่อองค์กรเติบโต การควบคุมข้อมูลจะช่วยให้กระบวนการด้านการจัดการข้อมูลทั้งองค์กรเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางธุรกิจและนโยบายที่ออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจได้ว่าข้อมูลจะได้รับการจัดการตามลักษณะที่กำหนดไว้ภายใต้การดูแลของผู้ให้บริการข้อมูล (Data Steward) ที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี
5) ใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง
การที่จะประสบผลสำเร็จได้นั้น คุณจะต้องปรับใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมภายใต้วัตถุประสงค์หลักสองประการ ได้แก่ การประมวลผลทรานแซคชันในโลกแห่งการปฏิบัติงาน ตลอดจนการย้าย การวิเคราะห์ และการแปรรูปข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับโลกแห่งการวิเคราะห์ โดยบริษัท แซส พร้อมด้วยแผนกดาต้าฟลักซ์ของบริษัทได้นำเสนอชุดเทคโนโลยีที่ครบวงจรและดีที่สุดสำหรับการสร้างข้อมูลที่มีคุณภาพพร้อมใช้งาน การผสานรวมข้อมูล และการวิเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การใช้กฎต่างๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมคุณภาพของข้อมูล การแปรรูปข้อมูล และการดำเนินธุรกิจ ยังช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานและการวิเคราะห์ได้อย่างสอดคล้องโดยอาศัยเทคนิคด้านการจัดการข้อมูล ซึ่งนั่นทำให้แน่ใจได้ว่าข้อมูลมีความถูกต้องและเชื่อถือได้ครอบคลุมทั้งองค์กร
แนวทางด้าน MDM อาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างความสำเร็จให้กับองค์กรที่ขับเคลื่อนไปด้วยข้อมูลเช่นในปัจจุบัน การปฏิบัติตามขั้นตอนทั้งห้าประการนี้ ตลอดจนการดูแลและการควบคุมข้อมูลอย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้นในท้ายที่สุด