นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ราคาทองยังไม่มีแนวโน้มทิศทางที่ชัดเจน จากก่อนหน้าถือเป็นช่วง low season ของทองคำในไตรมาส 2 เหตุเพราะความต้องการทองคำในอุตสาหกรรมเครื่องประดับที่ลดลง ส่งผลให้ราคาทองยังคงปรับตัวลงมาพักฐานและเคลื่อนไหว sideway ในกรอบ 1,530-1,620 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ทั้งนี้ โกลเบล็กมองว่าราคาปัจจุบันเป็นระดับราคาเดียวกับเมื่อต้นปี 2555 ซึ่งมองเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยซื้อสะสมหากราคาหลุดกรอบ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่ประเมินว่าราคาทองคำจะเริ่มปรับตัวขึ้นได้ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จากการได้แรงหนุนเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ทำให้มีความต้องการซื้อทองคำมากขึ้น ประกอบกับ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงทรงตัว และไม่มีแนวโน้มของการฟื้นตัวที่ดีเป็นปัจจัยที่ทำให้ทางโกลเบล็ก มองว่าอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ จากเฟด ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงทองคำด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามปัจจัยกดดันจากปัญหาหนี้สินของยูโรโซน ที่ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่อง โดยให้จับตาการก่อตั้งกองทุน ESM ที่ต้องรอคำตัดสินของศาลเยอรมนีในเดือนกันยายน โดย กองทุน ESM เป็นกองทุนถาวรที่จะมาแทนที่กองทุน ESFS และการให้เงินช่วยเหลือแก่สเปนและอิตาลีที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเริ่มปรับตัวขึ้นสู่เขตอันตราย ที่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 อยู่มากกว่า 7% อีกครั้ง
สำหรับคำแนะนำโกลเบล็กมองว่าผู้มีสถานะหรือมีทองคำอยู่ให้ “ถือ” หากราคาทองคำไม่ปรับตัวลงต่ำกว่า 1,530 ดอลลาร์/ออนซ์ เพื่อไปขายที่แนวต้านระยะกลางช่วง 1,680-1,710 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ผู้ที่ต้องการ “ซื้อ” ให้ทยอยเข้าซื้อที่ช่วงราคา 1,550-1,580 ดอลลาร์/ออนซ์ เพื่อไปขายที่แนวต้านระยะกลาง 1,680-1,710 ดอลลาร์/ออนซ์ เช่นกัน แต่หากราคาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่าราคา 1,530 ดอลลาร์/ออนซ์ ให้ตัดขาดทุน
“โกลเบล็กมองว่าช่วงนี้แม้ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง แต่หากพิจารณาแล้วเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับต้นปี 55 ซึ่งถือเป็นโอกาสอีกรอบที่น่าทยอยสะสมทอง เพราะโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากความต้องการของอุตสากรรมเครื่องประดับ และความชัดเจนของเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปน่าจะมีมากขึ้นด้วย”นายทรงวุฒิ กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ กล่าวว่า ปัจจัยระยะสั้นที่นักลงทุนยังคงต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาไม่ว่าจะเป็น ความเชื่อมั่นผู้บริโภค , ดัชนีภาคการผลิต, การประชุมเฟด, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการ, ตัวเลขว่างงานและดัชนีภาคบริการ ตลอดจนผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป
สำหรับราคาทองคำโลกในสัปดาห์ก่อนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาทองคำอยู่ที่ 1,620 ดอลลาร์/ออนซ์ (ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 17.00น.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 41.64 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 2.63% มีจุดสูงสุดที่ 1,629.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และจุดต่ำสุดที่ 1,562.99 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำได้เริ่มปรับตัวลดลงในวันแรกของสัปดาห์จากความกังวลว่าสเปนอาจเป็นประเทศต่อไปที่ต้องขอรับความช่วยเหลือเต็มรูปแบบจากทาง ECB ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นเหนือ 7 % อีกครั้ง
นอกจากนี้ ดัชนีภาคการผลิตของเยอรมนี และยูโรโซนยังคงไม่ฟื้นตัว โดยมูดี้ส์มีมุมมองเชิงลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของเยอรมนีและกองทุน ESFS อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์จากความคาดหวังในการประชุมธนาคารกลางยุโรปอาจมีการออกมาตรการช่วยเหลือใหม่ ๆ หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่า พร้อมที่จะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องยูโรโซนได้ส่งผลให้นักลงทุนต่างคลายความกังวลเริ่มหันมาซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงทองคำจึงทำให้ราคาทองคำกลับมายืนในแดนบวกได้อีกครั้ง