นายสุเมธ ภูรีศรีศักดิ์ รักษาการผู้จัดการพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง กล่าวถึงภาพรวมการจัดตั้งสถาบันสุวรรณภูมิว่า หากมีการจัดตั้งสถาบันสุวรรณภูมิขึ้น องค์กรนี้จะทำหน้าที่ดึงความร่วมมือจากหลายภาคส่วนร่วมพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทองได้คล่องตัวมากขึ้น เช่น ทำหน้าที่จัดเทศกาล จัดเสวนาในพื้นที่พิเศษ จัดรูปแบบการท่องเที่ยวที่สอดรับกับความต้องการของท้องถิ่น และรองรับ ASEAN Economic Community (AEC) เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับความเจริญของมนุษยชาติทางประวัติศาสตร์ที่มีรากฐานเกี่ยวข้องกับดินแดนสุวรรณภูมิ โดยนำเอาสุวรรณภูมิมาเป็นประเด็นในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วรรณคดี รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ โดยจะประสานขอความร่วมมือจาก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ในการจัดเทศกาลนานาชาติ รวมทั้งจะมีการจัดโซนนิ่งการพัฒนาที่ดินเพื่อเปิดช่องให้เอกชนเข้ามาลงทุน โดยมูลนิธิเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นเมืองโบราณอู่ทอง นอกจากนี้ จะผลักดันเมืองโบราณอู่ทองไปสู่การขึ้นทะเบียนมรดกโลกภายในระยะเวลา ๒ ปี ขับเคลื่อนโดยสถาบันสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลาง เนื่องจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจำเป็นจะต้องอาศัยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ไม่สามารถดำเนินการโดยเทศบาลตำบลอู่ทองและเทศบาลท้าวอู่ทองแต่โดยลำพัง
รูปแบบการจัดตั้งสถาบันสุวรรณภูมิมีหลายแนวทางด้วยกัน แต่แนวทางที่น่าจะมีความสอดคล้อง อาจจะต้องจดทะเบียนเป็นมูลนิธิในรูปแบบนิติบุคคล ซึ่ง องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง (สพพ.๗) จะสนับสนุนเงินทุนประเดิมการจัดตั้งจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท อย่างไรก็ตาม สพพ.๗ จะต้องนำเรื่องนี้ไปสอบถามความคิดเห็นกับทุกภาคส่วนในตำบลอู่ทองผ่าน “เวทีสาธารณะเมืองโบราณอู่ทองและการประชุมประจำเดือน(ท่องเที่ยว) ครั้งที่ ๓” ในวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งจัดขึ้น ณ เทศบาลตำบลอู่ทอง หลังจากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (กพท.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการจดทะเบียนการจัดตั้งมูลนิธิและสมาคม มาชี้แจงความแตกต่างของการจดทะเบียน ซึ่งการจัดตั้งมูลนิธิมี ๒ แบบด้วยกันคือ การจดทะเบียนจัดตั้งผ่านกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะสามารถขอเงินอุดหนุนจากท้องถิ่นได้ และอีกประเภทคือ การจัดตั้งตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การจัดตั้งประเภทนี้จะต้องเสียภาษีและไม่สามารถขอรับเงินสนับสนุนได้ ส่วนกรณีถ้าจัดตั้งเป็นสมาคม ตามข้อบังคับหากจัดตั้งเป็นสมาคมห้ามหารายได้มาแบ่งกันในหมู่สมาชิก โดยผลการหารือในครั้งนี้ หลายฝ่ายลงความเห็นว่า การจัดตั้งเป็นมูลนิธิ โดยใช้ชื่อ “มูลนิธิสถาบันสุวรรณภูมิ” มีความเหมาะสม
นายพนมบุตร จันทรโชติ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง ยอมรับแนวคิดการจัดตั้ง “มูลนิธิ” โดยไม่สังกัดหน่วยงานใด ทำหน้าที่เป็นสถาบันทางวิชาการที่รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาของดินแดนสุวรรณภูมิ และดึงเอาข้อมูลจากส่วนต่าง ๆ ที่หน่วยงานอื่นดำเนินการอยู่มารวมศูนย์เป็นสิ่งที่ดี พร้อมทั้งสอบถาม ผจก.สพพ.๗ ว่า มูลนิธิสุวรรณภูมินี้เป็นอาคารจัดแสดงหรือว่าเป็นแหล่งค้นคว้าทางวิชาการ โดยไม่ได้มีอาคารถาวรหรือไม่ หรือหมายถึงการจัดกิจกรรม
นายสุเมธ ภูรีศรีศักดิ์ รักษาการ ผจก.สพพ.๗ ตอบข้อสงสัยว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความต้องการของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ว่า ต้องการให้สถาบันสุวรรณภูมิเป็นไปในลักษณะใด โดย อพท. จะเป็นผู้ประสานความร่วมมือเพื่อสร้างความยั่งยืน ๓ ด้านคือ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม มูลนิธิสถาบันสุวรรณภูมิอาจแบ่งแผนกการพัฒนาเป็นฝ่ายวิชาการ ฝ่ายนิทรรศการ ฝ่ายเทศกาล ดึงคนเก่ง ๆ มาร่วมดำเนินการ เพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่ เพราะเมื่อถึงจุดที่พื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทองเกิดการพัฒนาไปในรูปแบบที่เหมาะสมแล้ว อพท. ก็จะถอนตัวออกไปพัฒนาพื้นที่อื่นต่อไป ซึ่งการพิจารณาว่าจะถอนตัวออกไปนั้น ต้องพิจารณาความพร้อมทั้งหมดว่าคนในพื้นที่สามารถสานต่อองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้ดีแล้ว
นายวิศรุต อินแหยม ผอ.ททท.สนง.สุพรรณบุรี สนับสนุนการจัดตั้งมูลนิธิสถาบันสุวรณภูมิ และถ้าเราจัดตั้งได้ก่อนประเทศอื่น ประเทศไทยก็จะเป็นศูนย์กลางที่เกี่ยวข้องกับดินแดนสุวรรณภูมิและเชื่อมโยงไปสู่มรดกโลก ส่งผลดีต่อการส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองโบราณอู่ทอง ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ชมรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวก็จะเข้ามาเสริมจนเกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการพื้นที่ และยังช่วยส่งเสริมองค์กรต่าง ๆ ที่รายล้อมทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
โดยผลการหารือได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดตั้งมูลนิธิสถาบันสุวรรณภูมิ เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์และองค์ประกอบของคณะกรรมการ รวมทั้งการจัดหาสถานที่ตั้ง