นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น เปิดเผยถึงการจัดงาน “วันต่อต้านคอร์รัปชั่น ประจำปี 2555” ว่า หลังจากภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้จัดตั้งและดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 1 ปี เพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ผ่านยุทธศาสตร์ 3 ป. คือ ป้องกัน ปลูกฝัง และร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ปราบปราม มีการดำเนินงานต่อเนื่องในหลายรูปแบบ โดยการจัดกิจกรรมรวมพลังสร้างกระแสต่อต้านคอร์รัปชั่นในปีนี้ ได้รับความสนใจและร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย ที่จะมาสะท้อนให้เห็นถึงอุปสรรคในการต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น ขณะเดียวกัน จะร่วมกันเสนอแนะวิธีการในการหลีกเลี่ยงหรือต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่น
“แนวคิดของการจัดงานรวมพลังเปลี่ยนประเทศไทยในปีนี้ ต้องการให้ภาคธุรกิจลุกขึ้นมาเป็นพลังขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ก้าวพ้นจากปัญหาดังกล่าว ซึ่งสะสมมานาน เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงได้เชิญ ศาสตราภิชาน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาบรรยายพิเศษ เรื่อง “ร่วมกันปลุกกระแสตื่นตัวของภาคธุรกิจ เพื่อต่อต้านคอร์รัปชั่น” รวมถึง คุณ มีชัย วีระไวทยะ จะนำประสบการณ์ตรงมานำเสนอในหัวข้อเรื่อง “จะทำให้การต่อต้านคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติได้อย่างไร” รวมถึงการแสดงพลังและแถลงการณ์ของเยาวชนจากกลุ่มศึกษานอกระบบ โครงการโตไปไม่โกง ศูนย์คุณธรรม และทูตความดี
นอกจากนี้ จะนำกรณีศึกษาการทุจริตคอร์รัปชั่นในอดีตที่เป็นประเด็นในความสนใจของสังคมไทย ออกมาเผยแพร่ในรูปแบบสารคดี รวมถึงการจัดเสวนากลุ่มย่อย ในประเด็นสำคัญของสังคมไทย โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ ภาคการศึกษา ภาคประชาชน สื่อมวลชน รวมถึงเยาวชน ร่วมแสดงพลัง พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นต่ออนาคตของประเทศไทยอีกกว่า 1,500 คน ” นายประมนต์ กล่าว
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ รองประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะมีการสัมมนากลุ่มย่อย โดยมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นผ่านมุมมองและบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป อาทิ การเสวนาใน เรื่อง “ ตรวจแถวหมาเฝ้าบ้าน” เป็นการสะท้อนมุมมองของสื่อมวลชน จากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถาบันอิศรา ในรูปแบบของการเสวนาโต๊ะกลม โดยจะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระหว่างสื่อมวลชน และนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ที่มีประสบการณ์การทำข่าวในประเด็นการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะโครงการของภาครัฐ อาทิ คุณประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา คุณก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักข่าวไทย พีบีเอส และ คุณสมโภชน์ โตรักษา ผู้ช่วยหัวหน้ากองบรรณาธิการข่าวช่อง 7 เป็นต้น เพื่อหาแนวทางในการดำเนินงานในบทบาทของสื่อมวลชน ที่จะเป็นตัวแทนในการป้องกันและเฝ้าระวังปัญหาการคอร์รัปชั่น ที่จะเกิดขึ้นกับสังคมไทยได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับ เรื่อง “จำนำพืชผลการเกษตร” ได้เชิญผู้ที่มีประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงสินค้าเกษตร อาทิ คุณนิพนธ์ วงศ์ตระหง่าน อดีตนายกสมาคมโรงสีข้าว คุณวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และคุณประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย มาพูดคุยถึงแนวทางในการจำนำพืชผลการเกษตรอย่างไร จึงจะโปร่งใสเป็นต้น โดยมีคุณรัชชพล เหล่าวานิช เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย
ด้านคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม รองประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า สำหรับการเสวนาเรื่อง “สู้ด้วยเสียง” จะเป็นการเสวนาของตัวแทนจากกลุ่มภาคประชาชนและอาสาสมัคร ภายใต้หัวข้อ “หมาเฝ้าบ้าน” ที่ประชาชนทั่วประเทศสามารถสมัครเข้าร่วมเป็นหนึ่งในการสอดส่องดูแลปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของประเทศ และได้เชิญบุคคลที่ต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชั่นด้วยสิทธิ์ และเสียงของตัวเอง ที่ประสบความสำเร็จ ใน 3 รุ่น คือ คุณรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร และคุณธีระ กาญจนไพริน หรือ ดีเจจั๊ด มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิด และวิธีการในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยมี ดร.เสรี วงค์มณฑา เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการเตรียมความพร้อมของภาคธุรกิจในการเข้าเป็นสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 โดยได้กำหนดการเสวนาเรื่อง “ รวมพลังภาคธุรกิจ ริเริ่ม Clean & Clear’ Standards for AEC” ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญด้วยในปี 2558 ที่ไทยจะก้าวเข้าสู่ AEC ได้มีนักธุรกิจจากวงการต่างๆ อาทิ คุณปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานกลุ่มบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ มาร่วมกันวางมาตรฐาน “Clean & Clear” เพื่อเตรียมตัวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยมี ดร.บัณฑิต นิจถาวร เป็นผู้ดำเนินการ
นายประมนต์ กล่าวต่อว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศไทยรุนแรงมากขึ้นทุกปี ในปี 2554 ไทยอยู่ในอันดับที่ 80 สูงขึ้นจากลำดับที่ 78 ใน 183 ประเทศทั่วโลกที่มีปัญหาการคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่พบว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นของประเทศไทย ประจำเดือนมิถุยายน 2555 ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผลสำรวจล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นต่ำลงมาอยู่ที่ 3.5 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 ซึ่งถือว่าการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศไทยยังสอบตก เชื่อว่าในปี 2556 ปัญหาคอร์รัปชั่นจะเกิดมากขึ้น จากงบประมาณ 3.4 แสนล้านบาท ของโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนของภาครัฐ ”นับเป็นสัญญาณที่น่าตกใจสำหรับประเทศไทย และหากประชาชนคนไทยยังคิดว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องของชาติ ไม่ใช่ของตัว และไม่มาร่วมกันสอดส่อง ป้องกัน และต่อสู้ปัญหาการคอร์รัปชั่น ในอนาคตประเทศไทยจะไม่เหลืออะไรให้ลูกหลานพวกเราอีกต่อไป“ นายประมนต์ กล่าวในตอนท้าย