เตือนผู้ทำงานในที่อับอากาศ หากประมาทอันตรายถึงชีวิต

อังคาร ๒๘ สิงหาคม ๒๐๑๒ ๑๔:๒๓
กรมการแพทย์เตือนผู้ทำงานในที่อับอากาศ ควรมีมาตรการและอุปกรณ์ป้องกันตัวเองอย่างครบครัน หากประมาทหรือไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองสามารถเกิดอันตรายถึงชีวิตได้

แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ที่ทำงานในบริเวณสถานที่อับอากาศเช่น อุโมงค์ ถ้ำ บ่อ หลุม ห้องใต้ดิน ห้องนิรภัย ถังน้ำมัน ถังหมัก ไซโล ท่อ เตา หรือในที่มีทางเข้า-ออกแคบ มีการระบายอากาศไม่เพียงพอ ควรเตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตให้แก่ตนเองและทีมงานให้พร้อม เพราะสถานที่อับอากาศเป็นสถานที่มีอากาศหรือออกซิเจนสำหรับหายใจน้อยกว่า 19.6% ซึ่งในบรรยากาศปกติประกอบด้วยก๊าซออกซิเจน 20.9% ก๊าซไนโตรเจน 78.1% และก๊าซอาร์กอน 1% สถานที่ซึ่งมีออกซิเจนน้อยถือเป็นสถานที่อันตรายมาก สามารถทำให้ผู้ที่ทำงานหรือลงไปในสถานที่เหล่านั้นมีอาการหายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้ อาเจียนและหมดสติ บางรายมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจเกร็ง ชัก และอาจเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่นาที ดังนั้นผู้ที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่อับอากาศซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตรายควรผ่านการอบรมความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ เพื่อเข้าใจวิธีการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและเตรียมความพร้อม

อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวต่อไปว่าผู้ที่ไม่ควรปฏิบัติงานในที่อับอากาศโดยเด็ดขาด ได้แก่ ผู้ที่มีร่างกายอ้วนมาก ใส่เครื่องช่วยหายใจ (respirator) มีประวัติเป็นโรคลมชัก โรคหอบหืด โรคกลัวที่แคบหรือความมืด มีความดันโลหิตสูงมากกว่า 160/90 ป่วยเป็นไข้หวัด ติดเชื้อในปอด ปอดอุดตัน มีน้ำในปอด ตรวจคลื่นหัวใจและมีลักษณะหัวใจขาดเลือดในขณะนั้น หรือเคยมีกล้ามเนื้อหัวใจตาย สมรรถภาพทางการได้ยินเสียจากปานกลางถึงมาก และสมรรถภาพทางตาเสียมาก

นายแพทย์อดุลย์ บัณฑุกุล หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีกล่าวเพิ่มเติมว่า ในประเทศไทยมีข่าวเกี่ยวกับ การตายจากการทำงานในสถานที่อับอากาศอยู่เสมอ ๆ สาเหตุเพราะนายจ้างและคนงานไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องอันตรายจากการทำงานในสถานที่อับอากาศ ซึ่งสถานที่เหล่านั้นมีอันตรายหลายอย่างเช่นความร้อน ไฟไหม้ ระเบิด สารเคมี ก๊าซพิษ สำหรับแนวทางการช่วยเหลือและรักษาควรนำผู้ป่วยออกจากพื้นที่เพื่อให้ได้รับออกซิเจนอย่างรวดเร็ว หากช้าเกินไปจะทำให้สมองขาดออกซิเจน สายตามองไม่เห็นบางส่วน และมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันโดยการกำหนดบริเวณที่อับอากาศ คุณสมบัติผู้ทำงาน และต้องสวมเครื่องป้องกันอันตรายส่วนบุคคลเสมอ

หากเกิดปัญหาดังกล่าวควรขอความช่วยเหลือไปที่กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และรายงานไปให้โรงพยาบาลในพื้นที่รับทราบเพื่อเตรียมสถานที่และอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยต่อไป ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อกลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และ เวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี โทร. 0-2517-4333

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๑๒ ฉลองเทศกาลตรุษจีนปีงูเล็ก ที่โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท
๑๗:๐๐ IMPACT เผยปี 68 ข่าวดี! โครงการ Sky Entrance รถไฟฟ้าสายสีชมพูมาตามนัด หนุนทราฟฟิคแน่น - จับมือพาร์ทเนอร์
๑๗:๕๒ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม สนับสนุนโครงการ กู้วิกฤตและอนุรักษ์พะยูน ครั้งที่ 2
๑๗:๕๘ แสนสิริ เจ้าตลาดคอนโดแคมปัส อวดโฉม ดีคอนโด วิวิด รังสิต คอนโดใหม่ตรงข้าม ม.กรุงเทพ
๑๖:๔๓ เอ็นไอเอ - สสส. ดึงนิวเจน สรรค์สร้างนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพ ในแคมเปญ The Health Promotion INNOVATION PLAYGROUND
๑๗:๕๘ กรมวิทย์ฯ บริการ เร่งพัฒนาระบบ e-Learning ยกระดับการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ
๑๖:๕๘ เขตจตุจักรกวดขันคนไร้บ้านเชิงสะพานข้ามคลองบางซื่อ สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
๑๗:๑๗ เขตพระนครประสานกรมเจ้าท่า-เอกชน เร่งปรับปรุงภูมิทัศน์ท่าเรือสุพรรณเดิม
๑๗:๔๐ กทม. กำชับเจ้าของอาคารตรวจสอบโครงสร้างบันไดเลื่อน เพิ่มความปลอดภัยประชาชน
๑๖:๓๗ แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ ช้อปคุ้ม พร้อมลดหย่อนภาษี! 'เปลี่ยนของเก่าเป็นความคุ้ม' ผ่าน Easy E-Receipt ได้ที่โฮมโปร เมกาโฮม