หุ้นกู้ดังกล่าวจะออกโดยสาขาของ SCB ในฮ่องกง และจะถูกรวมกับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐที่ธนาคารได้ออกผ่านสาขาฮ่องกงไปก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคม 2555 ภายใต้โครงการ Medium Term Note (MTN) มูลค่าไม่เกิน 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นกู้ชุดที่ออกไปแล้วและหุ้นกู้ชุดที่จะออกใหม่ จะถูกนำมารวมเป็นหุ้นกู้ชุดเดียวกันซึ่งจะครบกำหนดชำระในปี 2560
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิอยู่ที่ระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating) ของ SCB ที่ ‘BBB+’ โดยอันดับเครดิตของธนาคารสะท้อนถึงระดับเงินกองทุนและความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับดี คุณภาพสินทรัพย์และสำรองหนี้สูญที่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และการมีเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ในประเทศที่แข็งแกร่ง ฟิทช์เชื่อว่าฐานะทางการเงินโดยรวมของธนาคารน่าจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของคุณภาพสินเชื่อได้ ซึ่งสะท้อนอยู่ในแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งก่อตั้งโดยพระบรมราชานุญาต ในปี 2447 เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศไทยโดยมีส่วนแบ่งการตลาดของสินเชื่อและเงินฝากประมาณ 16% ณ สิ้นปี 2554 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 23.7% นอกจากนี้กระทรวงการคลังมีการถือหุ้น SCB ผ่านกองทุนวายุภักษ์อยู่ที่ประมาณ 23.1% อย่างไรก็ตามจำนวนกรรมการที่เป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลังมีจำนวนไม่มากและทางกระทรวงไม่มีส่วนร่วมในการบริหารงานในธนาคาร