1. เนื้อหาในพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบต้องไม่ทับซ้อนกับพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 ของกรมสรรพสามิต
2. พระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบไม่ควรลิดรอนสิทธิที่มีอยู่เดิมของผู้ผลิตยาสูบ รวมถึงผู้เพาะปลูกใบยาสูบ ซึ่งตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 กระทรวงการคลังมีบทบาทที่ชัดเจนในการควบคุมดูแลผู้เพาะปลูกใบยาสูบภายในประเทศ
3. การกำหนดมาตรฐานต่างๆ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบจะต้องเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลและไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เพาะปลูกใบยาสูบภายในประเทศ
4. ในหมวดที่ 7 กองทุนเพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบ กระทรวงการคลังเห็นว่ากองทุนเพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบในสำนักงานคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบ อาจไมสอดคล้องกับวินัยทางการเงินและการคลังของกระทรวงการคลัง รวมถึงอาจซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ หรือ สสส.
5. กระทรวงการคลังมีจุดยืนที่สำคัญที่จะสนับสนุนพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบในส่วนของการคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภค โดยเฉพาะลดการเข้าถึงบุหรี่ของเด็กและเยาวชน
6. สำหรับการขึ้นภาษียาเส้นจาก 1 บาท/กิโลกรัม เป็น 10 บาท/กิโลกรัม กระทรวงการคลังกำลังศึกษาแนวทางการช่วยเหลือผู้เพาะปลุกใบยาเพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ในขณะเดียวกันก็จะจัดเก็บภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยกับผู้ผลิตยาเส้นและบุหรี่
กรมสรรพสามิต
โทร/โทรสาร 0 2241 4778