กุมารแพทย์ย้ำเตือนถึงการระบาดของโรคไทฟอยด์ในเอเชีย

พฤหัส ๑๓ กันยายน ๒๐๑๒ ๑๓:๕๘
- ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องเพิ่มการรณรงค์เรื่องการให้วัคซีนป้องกัน

พันธมิตรต่อต้านไทฟอยด์ (The Coalition against Typhoid: CaT) เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของประเทศต่างๆทั่วเอเชีย ยกระดับการให้วัคซีนโรคไทฟอยด์เป็นวาระสำคัญของประเทศ ระหว่างการประชุมกุมารเวชศาสตร์แห่งเอเชียแปซิฟิกครั้งที่ 14 (14th Asia Pacific Congress of Pediatrics) ทั้งนี้ พันธมิตรต่อต้านไทฟอยด์ซึ่งจัดตั้งโดยสถาบันวัคซีนเซบิน (Sabin Vaccine Institute) ได้รวบรวมกุมารแพทย์ระดับแนวหน้าจากทั่วเอเชียมาพบปะพูดคุยถึงเรื่องภาระอันเกิดจากโรคไทฟอยด์ในภูมิภาค พร้อมกับเสนอทางออกในการต้อสู้กับโรคไทฟอยด์ซึ่งมีการระบาดมากขึ้นเรื่อยๆ

“สมาคมกุมารเวชศาสตร์และผู้ที่เกี่ยวข้องทั่วภูมิภาคต่างตระหนักถึงผลกระทบอันรุนแรงของโรคไทฟอยด์ โดยเฉพาะการที่โรคไทฟอยด์แพร่ระบาดมากขึ้นและดื้อยามากขึ้น หลายประเทศซึ่งรวมถึงอินเดียและอินโดนีเซียได้แนะนำให้ใช้วัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์” ดร.ซัลฟิการ์ เอ บุตตา (Dr. Zulfiqar A. Bhutta) ประธานผู้ก่อตั้งแผนกสุขภาพเด็กและสตรี มหาวิทยาลัยอากาข่าน (Aga Khan University) เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน กล่าว “ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้กำหนดนโยบายของประเทศควรทบทวนหลักฐานและหารือกันถึงการนำวัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์มาใช้”

แม้องค์การอนามัยโลก (WHO) จะแนะนำให้จัดลำดับความสำคัญของวัคซีนโรคไทฟอยด์ "ให้เริ่มใช้ทันที" ในการประชุมเมื่อปี 2552 แต่หลายประเทศในเอเชียยังไม่แนะนำหรือเริ่มนำวัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์มาใช้

“ตั้งแต่ปี 2540 กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามได้ใช้วีคซีนไทฟอยด์ควบคุมโรคในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างได้ผล” ดร. เหงียน แวน ควอง (Dr. Nguyen Van Cuong) รองหัวหน้าโครงการภูมิคุ้มกันแห่งชาติของเวียดนาม กล่าว “นอกจากนั้นโครงการที่ประสบความสำเร็จยังถูกนำไปใช้ในประเทศจีนและไทยด้วย”

ข้อมูลของ WHO ระบุว่า โรคไทฟอยด์ส่งผลกระทบต่อผู้คนประมาณ 21 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 คนต่อปี ผู้เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กก่อนวัยเรียนและเด็กในวัยเรียนในประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแอฟริกา WHO รายงานว่าผู้เสียชีวิตจากโรคไทฟอยด์ 90% อยู่ในเอเชีย

"ขณะนี้วัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์ที่ได้รับการอนุมัติจาก WHO มีให้ใช้แล้ว แต่กระทรวงสาธารณสุขในหลายประเทศทั่วเอเชียยังไม่ได้นำมาใช้อย่างเต็มที่" ดร.คริสโตเฟอร์ เนลสัน (Dr. Christopher Nelson) ผู้อำนวยการพันธมิตรต่อต้านไทฟอยด์ สำนักเลขาธิการสถาบันวัคซีนเซบิน กล่าว “สมาคมกุมารเวชศาสตร์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรทบทวนหลักฐานต่างๆให้ดี และพูดคุยกันเรื่องการนำวัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์มาใช้”

ไทฟอยด์เป็นโรคที่ระบาดในชุมชนผู้ยากไร้ที่ขาดแคลนน้ำสะอาดและสุขาภิบาลขั้นพื้นฐาน โดยจะแพร่เชื้อผ่านน้ำและอาหารที่ปนเปื้อน นอกจากจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากแล้ว การติดเชื้อไทฟอยด์ยังส่งผลกระทบต่อการเรียนและผลการเรียน ทั้งยังทำให้แรงงานต้องหยุดงานและทำให้ผลผลิตลดลงด้วย

“ในบังกลาเทศ โรคไทฟอยด์เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กและวัยรุ่นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการเหมือนมีไข้” ดร.เมสบาห์ อัดดิน อาห์เมด (Dr. Mesbah Uddin Ahmed) กล่าว ทั้งนี้ ดร.อาห์เมดเป็นอดีตเลขาธิการทั่วไปสมาคมกุมารเวชศาสตร์บังกลาเทศ (Bangladesh Paediatric Association: BPA), เลขาธิการคณะกรรมการย่อยด้านภูมิคุ้มกันของ BPA และผู้อำนวยการแผนกสุขภาพเด็ก วิทยาลัยแพทย์ Gonosasthyo Samaj Vittick Medical College ในเขตซาวาร์ เมืองดากา

ในการหารือและนำเสนอข้อมูล บรรดากุมารแพทย์ได้ย้ำถึงความจำเป็นของการพัฒนาโครงการตรวจสอบและควบคุมโรคทั่วภูมิภาค พร้อมระบุว่าเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จำเป็นต้องมีการใช้วัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์ควบคู่กับโครงการสาธารณสุขอื่นๆ อาทิ การเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดและการส่งเสริมสุขลักษณะที่ดี ซึ่งรวมถึงการล้างมืออย่างถูกวิธี

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาระอันเกิดจากโรคไทฟอยด์ในเอเชีย รวมถึงดูรายนามวิทยากรทั้งหมดในงานวันนี้ได้ที่ http://coalitionagainsttyphoid.org/

เกี่ยวกับ พันธมิตรต่อต้านไทฟอยด์ (CaT)

พันธมิตรต่อต้านไทฟอยด์ (CaT) เป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันทั่วโลกที่ทำงานเพื่อช่วยชีวิตและลดความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย ด้วยการพัฒนาการให้วัคซีนไทฟอยด์ในชุมชนที่เป็นโรคไทฟอยด์กันมาก ซึ่งถือเป็นกลุ่มหนึ่งในบรรดาพันธมิตรชั้นนำที่ทำเช่นนี้ พันธมิตรต่อต้านโรคไทฟอยด์หวังว่าการยกระดับโรคไทฟอยด์ให้เป็นวาระสำคัญด้านสุขภาพของโลกพร้อมกับพัฒนาแผนงานอย่างครอบคลุมเพื่อต่อสู้กับโรค จะช่วยให้ผู้คนเข้าถึงวัคซีนช่วยชีวิตตัวนี้ได้มากขึ้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.coalitionagainsttyphoid.org/

เกี่ยวกับสถาบันวัคซีนเซบิน

สถาบันวัคซีนเซบิน เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรประเภท 501(c)(3) ของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และผู้สนับสนุน ซึ่งอุทิศตนทำงานเพื่อลดความทุกข์ทรมานที่มนุษย์ไม่ควรต้องเผชิญอันเป็นผลมาจากโรคที่วัคซีนสามารถป้องกันได้และโรคเมืองร้อนอื่นๆที่ขาดการเอาใจใส่ เซบินทำงานร่วมกับรัฐบาล องค์กรชั้นนำจากทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันวิชาการต่างๆ เพื่อนำเสนอวิธีกำจัดโรคต่างๆที่ระบาดมากที่สุดในโลก นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2536 เพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร. อัลเบิร์ท บี. เซบิน (Dr. Albert B. Sabin) ผู้พัฒนาวัคซีนโปลิโอชนิดกิน ทางสถาบันได้เป็นผู้นำความพยายามในการควบคุม รักษา และกำจัดโรคเหล่านี้มาโดยตลอด ด้วยการพัฒนาวัคซีนใหม่ๆ สนับสนุนการใช้วัคซีนที่มีอยู่ และส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ไม่แพง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sabin.org

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version