นายวีระพงษ์ กล่าวอีกว่า หนังสือดังกล่าว เป็นการชี้แจงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากรัฐบาลยินยอมให้มีการนำเข้าไก่จากจีน ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศผู้นำเข้าสินค้าเนื้อไก่จากไทย ทั้งในกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู และญี่ปุ่น ซึ่งมีความเข้มงวดต่อมาตรฐานสินค้าและไทยเองก็ได้รับการยอมรับคุณภาพมาตรฐานสินค้าอยู่ในลำดับต้นๆ โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อของไทยไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเรียกร้องของจีน เนื่องจากหวั่นเกรงในเรื่องเชื้อไข้หวัดนกที่ยังคงพบการการระบาดทั้งในประเทศจีน รวมถึงการระบาดของเชื้อหวัดนกสายพันธุ์รุนแรงที่กำลังสร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมไก่ของเวียดนามในปัจจุบัน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า เกิดจากการลักลอบขนสัตว์ปีกจากประเทศจีนมายังภาคเหนือของเวียดนาม ขณะที่ประเทศไทยปลอดจากการระบาดของเชื้อหวัดนกมาตั้งแต่ปี 2549 โดยไม่มีการใช้วัคซีนแต่อย่างใด แต่จีนกลับแก้ปัญหาโดยการใช้วัคซีนแต่ก็ยังมีการเกิดโรคหวัดนกอย่างต่อเนื่อง จึงมีความกังวลว่าจะมีการปนเปื้อนเชื้อหวัดนกเข้ามา ทำให้อุตสหกรรมสัตว์ปีกของไทยทั้งระบบได้รับผลกระทบตามไปด้วย
นอกจากนี้ ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักสะสมมาตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากการผลิตไม่สมดุลกับการบริโภค ทำให้ราคาเนื้อไก่ในปัจจุบันตกต่ำเป็นอย่างมาก โดยราคาประกาศรับซื้อไก่หน้าโรงงานชำแหละเหลือเพียงกิโลกรัมละ 32-35 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตไก่พุ่งสูงถึง 41 บาท จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์หลัก ทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้น หากมีการนำเข้าไก่จีนอีกก็จะเป็นการตอกย้ำปัญหาให้ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก ทำให้เกษตรกรในอุตสาหกรรมไก่ที่มีกว่าแสนรายได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้