นายแพทย์สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสอง แม้ว่าในด้านบวกนั้นจะส่งผลต่อความต้องการซื้อและเช่าอสังหาริมทรัพย์มือสองในย่านศูนย์กลางธุรกิจ รวมทั้งแหล่งชุมชนใจกลางเมือง เนื่องจากในช่วงนั้นจะมีความต่างชาติทั้งนักลงทุนและแรงงานจากกลุ่มประเทศอาเซียนเข้ามาอาศัยในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดใจกลางเมืองมีความคึกคักมากขึ้น แต่ผลกระทบในแง่ลบนั้นจะเกิดขึ้นกับธุรกิจโบรกเกอร์ซึ่งปัจจุบันนี้มีบริษัทชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก เชื่อว่าหลังจากที่มีการเปิดเสรีจะทำให้นายหน้าจากประเทศเพื่อนบ้านเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนมาในประเทศไทยมากขึ้น จะส่งผลให้ธุรกิจนายหน้าในประเทศไทยมีการแข่งขันกันรุนแรงยิ่งขึ้น
“การแข่งขันของตลาดหลังจากมีการเปิด AEC จะทำให้ธุรกิจของคนไทยเสียเปรียบต่างชาติ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายควบคุมการทำงานของนายหน้า เมื่อไม่มีไลเซ่นจึงไม่สามารถควบคุมนายหน้าจากเพื่อนบ้านทั้งจากสิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปินส์ ที่จะเดินทางเข้ามาทำธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์บ้านเรา ในขณะที่ประเทศเหล่านี้มีกฎหมายรองรับธุรกิจประเภทนี้แล้ว นายหน้าจากไทยก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปทำธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเหล่านี้ได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือเพื่อนบ้านจะมาแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาด อาจทำให้ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบจนไม่สามารถอยู่ในธุรกิจนี้ได้” นายแพทย์สมศักดิ์กล่าวและให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า แม้ปัจจุบันยังไม่ได้เปิด AEC แต่ก็มีนายหน้าต่างชาติเข้ามาทำงานและเปิดสาขาในประเทศไทยบ้างแล้ว โดยเฉพาะในย่านใจกลางธุรกิจของกรุงเทพและเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหินฯลฯ เนื่องจากประเทศไทยไม่มีกฎหมายควบคุมและเปิดเสรีให้กับอาชีพนี้มากเกินไป ซึ่งเป็นช่องทางที่จะทำให้เกิดการฟอกเงินได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเกิดผลกระทบและความเสียหายต่อประเทศชาติ
นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การที่นายหน้าไทยไม่สามารถรุกตลาดไปยังต่างประเทศได้ จึงทำได้เฉพาะการตั้งรับกระแสการไหลเข้าของนายหน้าต่างชาติ ที่เชื่อว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นมากกว่าที่เห็นอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นของธุรกิจนายหน้าอสังหาฯ จะทำให้ธุรกิจของคนไทยเสียเปรียบเกือบทุกด้าน เนื่องจากเรามีจุดอ่อนในเรื่องของภาษาอังกฤษที่ต้องใช้สื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติ ที่สำคัญการไม่มีพ.ร.บ.นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ น่าจะทำให้ภาพของการทำธุรกิจในอนาคตมีปัญหาเพิ่มขึ้น ดังนั้น ภาครัฐควรให้ความสนใจกฎหมายดังกล่าวมากกว่านี้ และควรเปรียบเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งเขามีกฎหมายเข้ามาดูแลและควบคุม เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์มือสองเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าธุรกิจบ้านใหม่เลย
“หากรัฐบาลยังไม่ออกฎหมายควบคุม รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือ สิ่งที่นายหน้าไทยต้องทำต่อจากนี้ก็คือ การเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการแข่งขันของตลาด โดยการเร่งพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในทุก ๆ ด้าน ทั้งเรื่องภาษาอังกฤษและการแสวงหาความรู้อื่น ๆ ที่พัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้า ที่สำคัญธุรกิจนายหน้าสัญชาติไทยจะต้องจับมือกันทำงานและสร้างพันธมิตรในการทำงานให้มากขึ้น เพราะการทำงานอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางการแข่งขันที่ไม่มีกฎหมายและไลเซ่น จะเป็นจุดด้อยที่เสียเปรียบต่างชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” นายแพทย์สมศักดิ์กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
โทร. 02-679-3255 ([email protected])