นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โอลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GBX ผู้ค้าทองคำแท่งแห่งเดียวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ราคาทองคำได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 หรือ QE3 ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ และทำให้การลงทุนทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมัน โดยเฉพาะราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4.73% เมื่อเทียบกับราคา ณ ต้นเดือนกันยายน โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 1,777.51ดอลลาร์/ออนซ์ (ณ เวลา 12.00 น. วันที่ 14 กันยายน 2555) ขณะที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1,691.59 ดอลลาร์/ออนซ์
โดยการออกมาตรการ QE3 มากระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ อาจส่งผลทำให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อในตลาดโลก ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อทองคำที่ถือเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ มองว่าหากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นผ่านแนวต้านที่ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ และสามารถยืนอยู่ในราคาดังกล่าว ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกประมาณ 100 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือกลับสู่แนวต้านก่อนหน้าที่ 1,920 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่แนวต้านเดิมดังกล่าว อาจจะไม่ได้เกินในชั่วข้ามคืน แต่จะเป็นการค่อยๆปรับตัวขึ้นหากสามารถยืนเหนือระดับราคา 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ ซึ่งถือเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน หากมีปัจจัยลบมากระทบหรือกดดันเชื่อว่าราคาจะปรับตัวลดลงไม่ต่ำกว่า 1,680 ดอลลาร์/ออนซ์
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ราคาทองคำทรงตัวอยู่ในระดับราคา 1,730 ดอลลาร์/ออนซ์มาระยะหนึ่งโดยไม่มีทิศทาง ก่อนที่เฟดจะประกาศใช้มาตรการ QE3 ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้มาตรการดังกล่าวออกมา ในรูปแบบการซื้อสินทรัพย์ MBS ด้วยวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือนแบบไม่จำกัดระยะเวลาจนกว่าตัวเลขว่างงานสหรัฐจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 7%ภายในปลายปี 2014 นอกจากนี้ ยังคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำอย่างน้อยไปจนถึงกลางปี 2015 ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ปรับตัวขึ้นเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องติดตามปัจจัยอื่นๆที่จะต่อเนื่องมาจากมาตรการดังกล่าวต่อไป โดยทางฝ่ายวิเคราะห์ให้กรอบลงทุนไว้ที่ 1,740-1,830 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 25,380-26,680 บาท/บาททอง (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 30.78บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งหากราคาย่อลงมาต่ำกว่า 1,760 ดอลลาร์/ออนซ์ให้ “ทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะกลาง”
สำหรับราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยราคาปิดอยู่ที่ 1,771.05/ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 36.05ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 2.07% โดยมีจุดสูงสุดที่ 1,777.21 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีจุดต่ำสุดที่ 1,720.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐก่อนตัดสินใจทำการลงทุนเพิ่มเติมหลังจากสัปดาห์ก่อนราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นมากว่า 45 ดอลลาร์/ออนซ์
โดยราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นในบ่ายวันพุธจากคำตัดสินศาลของศาลเยอรมนีที่ระบุว่าเยอรมนีสามารถให้สัตยาบรรณในการจัดตั้งกองทุน ESM ได้โดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของเยอรมนีจึงทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในราคาทองคำแต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ในวันต่อมาซึ่งมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ทางเฟดได้ประกาศ ขยายเวลาการใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงกลางปี 2015 จากปลายปี 2014 ขณะเดียวกัน เฟดได้ดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ด้วยการประกาศว่าจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนอย่างไม่มีกำหนดเวลาจนกว่าแนวโน้มตัวเลขว่างงานของสหรัฐจะปรับตัวลงสู่ระดับ 7% ภายในปลายปี 2014 ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและราคาทองคำปรับตัวเพิ่มช่วงบวกมากขึ้น