บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด แนะนำฟิล์มรุ่นใหม่ล่าสุด X-Series ซึ่งเป็นฟิล์มสีเข้ม ให้ความเป็นส่วนตัว กันความร้อนได้ดี โดยนำไปประกอบกับ 3 แพ็กเกจ ที่จำหน่ายในปัจจุบัน สร้างทางเลือกใหม่ให้แก่ลูกค้า
นายกนต์ธร จตุรภัทรพนิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่าภายหลังจากที่บริษัทแม่ (วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล) ได้ยุบแพ็กเกจการขายจากมากกว่า 10 แพ็กเกจ เหลือเพียง 3 แพ็กเกจได้แก่ แพ็กเกจ Solitaire Energy แพ็กเกจ Eco Stature และแพ็กเกจ Ozone Signature พร้อมกันนี้ บริษัทแม่ได้แนะนำฟิล์ม X Series มาประกอบทั้ง 3 แพ็กเกจเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการฟิล์มมืด สร้างความเป็นส่วนตัว
ใน X Series นั้นประกอบด้วย X05, X15 และ X25 ซึ่งฟิล์มทั้ง 3 ตัวนี้เป็นฟิล์มมืดและกันความร้อนดี ซึ่งต่างจากฟิล์มรุ่นอื่นของวี-คูลที่เป็นฟิล์มใสและกันความร้อนดี โดย X05 แสงผ่านได้เพียง 6.5% ป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟราเรดได้ 83.7%และป้องกันยูวีได้ 99% ส่วน X15 แสงผ่านได้ 17% ป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟราเรดได้ 87% และป้องกันยูวีได้ 99% และ X25 แสงผ่านได้ 28% ป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟราเรดได้ 78% และป้องกันยูวีได้ 99%
“ฟิล์มทั้ง 3 ตัวใน X Series นี้เป็นฟิล์มมืดที่บริษัทแม่ผลิตมาเพื่อตอบสนองแก่ลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งที่ผ่านมา ฟิล์มวี-คูลเน้นฟิล์มใส และกันความร้อนได้ดี” นายกนต์ธรกล่าว
นายกนต์ธรกล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มวี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย ได้ดำเนินการแผนการตลาดและแบรนด์ให้กับ วี-คูล โดยได้เริ่มจัดทำป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ การโฆษณาในสื่อเป้าหมาย การจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าตลอดทั้งปี ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายของกลุ่มวี-คูล คอร์ปอเรชั่น ให้เติบโต 50% ภายในปีนี้ โดยในช่วงครึ่งปีแรก มีอัตราเติบโตของยอดขายประมาณ 30%
“ผมมีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าภายใต้แผนการสร้างแบรนด์ของเรานี้ จะสามารถกระตุ้นยอดขายของเราให้เป็นไปตามเป้าหมายได้เพราะตลาดรถยนต์ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตทะลุเกิน 1 ล้านคันแน่นอน ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดฟิล์มกรองแสงโดยตรง แน่นอนครับ เราต้องได้รับผลดีจากการเติบโตด้วยเพราะวี-คูลได้รับการยอมรับจากตลาดเป็นอย่างดี” นายกนต์ธรกล่าว
นายกนต์ธรกล่าวเสริมว่าฟิล์มวี-คูล X series ถือเป็นฟิล์มที่มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเพราะรถยนต์ที่ติดฟิล์มวี-คูลนั้น จะช่วยให้คอมเพร็ซเซอร์แอร์รถยนต์ไม่ต้องทำงานหนัก จากผลวิจัยของบริษัทแม่ พบว่ารถยนต์ที่ติดฟิล์มวี-คูล จะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 3% ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 132 กิโลกรัมต่อคัน และลดการตัดต้นไม้ได้มากถึง 10 ต้น ต่อปี
“เราได้รับข้อมูลล่าสุดจากบริษัทแม่ว่าขณะนี้ ปริมาณรถยนต์ที่ติดฟิล์มวี-คูล ได้เพิ่มขึ้นจาก 20 ล้านคันมาเป็น 22 ล้านคัน ซึ่งจากจำนวนรถดังกล่าว เท่ากับครอบครัววี-คูล คอร์ป ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเท่ากับกับการปลูกต้นไม้ถึง 220 ล้านต้น” นายกนต์ธรกล่าว
ในภาพ นายกนต์ธร (คนกลาง) พร้อมด้วยทีมงาน แนะนำฟิล์ม X-Series ให้แก่ร้านค้าเมื่อเร็ว ๆ นี้