นายกฯกำชับทูตพาณิชย์ ซึมซับเทคนิคการค้าถ่ายทอดยุทธวิธี เพื่อให้เอกชนวางแผนได้ตรงเป้าหมาย พร้อมผลักดันครัวไทยสู่ครัวโลก

พุธ ๒๖ กันยายน ๒๐๑๒ ๑๐:๒๑
นายกฯกำชับทูตพาณิชย์ ซึมซับเทคนิคการค้าถ่ายทอดยุทธวิธี เพื่อให้เอกชนวางแผนได้ตรงเป้าหมาย พร้อมผลักดันครัวไทยสู่ครัวโลก ชี้ช่องทางการค้ามีอยู่เสมอ มุ่งหาจังหวะ-โอกาส

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปสหรัฐฯระหว่างวันที่ 23 - 27 กันยายนนี้ โดยมีร.อ.สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และคณะภาครัฐ-เอกชนร่วมคณะ มีกำหนดการหารือแบบทวิภาคีกับผู้นำของประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกา เยือนนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้นายกรัฐมนตรีฯได้มอบนโยบายการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับทูตพาณิชย์ในภูมิภาคอเมริกา เม็กซิโกและอาร์เจนตินา ร่วมกิจกรรมครัวไทยสู่ครัวโลก มอบเครื่องหมายไทยซีเล็กท์ พร้อมกับร่วมชมการจัดแสดงอาหารไทย รวมไปถึงการทำบิสซิเนสแมทซิ่งของผู้ส่งออกการไทยกับผู้นำเข้าสหรัฐฯ

“นายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการผลักดันเศรษฐกิจไทยกับทูตพาณิชย์ซึ่งเห็นว่าภาคการส่งออกที่มีสัดส่วนสูงประมาณ 65% ของจีดีพี และการจะกระตุ้นการส่งออกในปีนี้ ให้ฟื้นตัวและขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 7.23% เป็นความท้าทาย เนื่องจากการค้าโลกได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและทวีความรุนแรงในการแข่งขันเพิ่มขึ้น วิกฤตซับไพร์ม หนี้สาธารณในยุโรป อุทกภัยในประเทศ จึงควรหาแนวทางร่วมกัน”นายบุญทรง กล่าว

ตลาดภูมิภาคอเมริกาเหนือ(สหรัฐฯและแคนาดา)มีมูลค่าส่งออก 7 เดือนแรก(ม.ค.-ก.ค.55) 14,166 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดลาตินอเมริกา มีมูลค่า4,599 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 19% แม้ว่าตลาดสหรัฐฯเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่เชื่อมั่นว่าในทุกตลาดย่อมมีโอกาสทางการค้าใหม่ๆ เสมอ ขอให้แสงหาช่องทางการค้าสำหรับสินค้าและบริการที่มีศักยภาพในการส่งออกไปยังตลาดนั้นๆ มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ขาดปัจจัยด้านเงินทุน ดังนั้นจำเป็นต้องส่งเสริมการขยายตลาดเชิงรุก เพื่อลดผลความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของตลาดหลักเดิมและสร้างตลาดใหม่

“นายกฯขอให้ทูตพาณิชย์คอยช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยในการแสวงหาช่องทางไปลงทุน หรือแสวงหาวัตถุดิบและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต จัดทำฐานข้อมูลทางการค้าและการลงทุนเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อภาคเอกชน พร้อมจัดทำยุทธศาสตร์ในการขายตลาดการค้าที่ชัดเจนและละเอียด ทั้งในระยะสั้น กลางและยาว ติดตามและรายงานข้อมูลกฎระเบียบทางการค้า แนวโน้มสินค้า เทคโนโลยีใหม่ๆ ในประเทศที่ประจำการอยู่ และเผยแพร่ให้ภาคเอกชนทราบต่อเนื่อง รวมถึงไปสภาวการณ์การแข่งขันและสิ่งที่คู่แข่งของเราเริ่มนำมาใช้ เพื่อช่วยให้ภาคเอกชนกำหนดแผนกลยุทธ์ในการผลิต ออกแบบและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้อย่างเหมาะสมและตรงกับความต้องการของตลาด”นายบุญทรง กล่าว

ทั้งนี้บริษัทวาสินีฟู๊ดคอร์เปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารรายใหญ่และเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าออโอเรียลทอล และอาหารไทย โดยส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าจากไทยส่วนที่เหลือนำเข้าจากจีน มาเลเซีย สิงคโปร์และไต้หวัน สินค้าจะเข้ามาจำหน่ายทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯและแผ่กระจายมายังตอนกลางของประเทศประมาณ 20 รัฐในระยะเริ่มแรก มีลูกค้าสำคัญเป็นกลุ่มซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก ตัวแทนจำหน่าย ร้านอาหารและผู้ค้าส่ง ทางบริษัทได้หันมาเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดฮิสแปนิกที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯมากขึ้น ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 30%ต่อมาบริษัทจึงได้ร่วมมือศึกษาและวิจัยร่วมกับสหพัฒน์พิบูลย์ ในการออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มนี้ทั้งรสชาดและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งนอกจากจะขายชาวฮิสแปนิกได้แล้ว ยังจำหน่ายให้คนเอเชียได้อีกด้วย

นอกจากนี้ในการปรับตัวในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวของสหรัฐฯ บริษัทฯพยายามหาช่องทางการขายสินค้าใหม่ๆ โดยผ่านเครือข่ายฟู้ด เซอร์วิส(Food Service) โดยเฉพาะร้านอาหารบุฟเฟ่ต์จีน โดยวางตำแหน่งสินค้าโดยจับกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้ระดับกลางและล่าง ซึ่งเป็นคนกลุ่มที่มีจำหน่ายมากในสหรัฐฯ จากการเก็บรวบรวมข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าของผู้จำหน่ายในลักษณะนี้รายหนึ่งในนิวยอร์ก พบว่าใน 1 เดือน บริษัทจัดส่งสินค้าให้กับบุฟเฟ่ต์เป็นจำนวนเงินประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อเดือน โดยสินค้าที่จัดส่งเป็นสินค้าอาหารประเภทแห้ง ประเภทสด แต่การแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูง จึงกำหนดราคาได้ไม่แพงนัก แต่จะสั่งซื้อสินค้าตลอดทั้งปี เพื่อสนองอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของร้านอาหารจีนแบบบุฟเฟ่ต์ดังกล่าว ดังนั้นการกำหนดรคาเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพจึงมีความจำเป็นอย่างมาก

ร.อ.สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวว่า การเจาะตลาดเฉพาะทางในตลาดเดิมนั้น พฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจสูงและประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา มีการปรับเปลี่ยนโดยชะลอการซื้อสินค้าราคาสูง (big ticket) ลดการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน การไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ พิจารณาเลือกซื้อสินค้าที่มีความคุ้มค่ามากขึ้น อย่างไรก็ดียังคงให้ความสำคัญต่อคุณภาพของสินค้า/บริการ การรักษาสิ่งแวดล้อม สินค้าสุขภาพออร์แกนิค ดั้งนั้นมาตรการส่งเสริมการขายสินค้าที่ยังมีศักยภาพในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ คือ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้ากลุ่มเป้าหมาย สินค้าสำหรับผู้สูงอายุ คนพิการ คนอ้วน สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง สินค้าประเภท Gourmet และ Fancy Food เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพบว่า ต้องสนับสนุน เร่งรัดและขยายผลการทำการค้าออนไลน์ทั้งในตลาดใหม่และตลาดเก่า เนื่องจากพฤติกรรมการซื้อของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันในตลาดทั่วโลก มีความนิยมที่จะหาข้อมูลและซื้อของออนไลน์มากขึ้น จึงควรส่งเสริมการใช้ประโยชน์ www.thaitrade.comอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีในการทำ เว็บไซต์วิธีการขายสินค้า และการทำการตลาดรวมถึงการสนับสนุนการทำเว็บไซต์เป็นภาษาต่างประเทศเพื่อเข้าถึงตลาดทั่วโลก การเชื่อมโยงการใช้บริการ Third Party Logistics เพื่อสนับสนุนให้สามารถขยายตลาดได้มากขึ้น ช่วย ลดภาระด้านการจัดการขนส่งและจัดเก็บสินค้าคงคลัง และลดต้นทุนสร้างพันธมิตรและเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมอยู่แล้ว และ จัดออนไลน์อีเว้นท์เพื่อกระตุ้นความสนใจ สร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยและสินค้าไทย

สำนักประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการส่งออก โทร.(02) 507-7932-34

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๔๑ 15 พฤศจิกายน 2567 ร่วมฉลองเทศกาลลอยกระทง กับ 5 โรงแรมหรูวิวริมทะเล ในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์
๑๖:๑๘ Blendata เปิดตัว Blendata Cloud บน Microsoft Azure Marketplace ยกระดับโซลูชัน Big Data ไทยสู่ระดับโลก
๑๖:๓๔ แอปเรียกรถ Maxim เปิดประสบการณ์บริการเรียกรถสุดพิเศษวันฮาโลวีน เซอร์ไพรส์จากคนขับที่คุณไม่ควรพลาด
๑๖:๑๔ เกษตรหนองหญ้าปล้อง จัดเวทีประชาคมและลงตรวจสอบพื้นที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ประจำปี 2567/68
๑๖:๔๗ เสริมความแกร่ง! ธุรกิจการบิน ม.ศรีปทุม เปิดเวทีบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญ ติดปีกให้นักศึกษาสู่ตลาดอุตสาหกรรมการบิน
๑๖:๕๗ Wayzim ปรับโฉมการจัดการคลังสินค้าด้วยระบบ ASRS Stacker Crane สำหรับประสิทธิภาพสูงสุด
๑๖:๔๑ การเคหะแห่งชาติ ระดมกูรูด้านภัยพิบัติ ตั้งรับ ปรับตัวกับภัยพิบัติ
๑๖:๑๑ ก.ล.ต. - ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประสานความร่วมมือ ยกระดับการทำหน้าที่กำกับดูแลตลาดทุนร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
๑๖:๕๗ ไทย-ไต้หวันร่วมยกระดับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เสริมแกร่งกำลังคนทักษะสูง สู่ฮับการผลิต PCB แห่งอาเซียน
๑๕:๔๐ JAS คว้า 5 ดาว 2 ปีซ้อน จากการประเมิน CGR 2024