นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ้านปูฯ เปิดเผยว่า สาเหตุที่บ้านปูฯ ไม่ตั้งสำรองในกรณีนีเ้ป็นความเห็นที่สอดคล้องกันของทุกฝ่าย ทั้ง คณะกรรมการ ผู้บริหาร และ ที่ปรึกษากฎหมายที่ได้ยืนยันหนักแน่นถึงข้อต่อสู้ทั้งในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายและได้ให้ความเห็นว่าบริษัทฯและบริษัทย่อยไม่มีเหตุที่จะต้องรับผิดชำระค่าข้อมูลค่าลงทุนและค่าใช้จ่ายตลอดจนค่าเสียโอกาสในโครงการหงสาเดิมที่โจทก์ได้ศึกษาไว้ ซึ่งรัฐบาลลาวได้ยกเลิกสัญญาดังกล่าวไปก่อนหน้านี้
“จากการพิจารณาคำพิพากษาคดีนีอ้ ย่างถี่ถ้วน และรอบคอบในทุกประเด็น เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรในการตัดสินใจ และจากผลการพิจารณาตามข้อมูล หลักฐาน และข้อเท็จจริงทัง้ หมดรวมทัง้ ความเห็นจากที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทฯ จะทำการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อไป โดยเชื่อมั่นในเหตุผล และความหนักแน่นของข้อต่อสู้ทัง้ ในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนั้นบริษัทฯ และบริษัทย่อยจึงไม่ตัง้ สำรองสำหรับค่าเสียหายตามคำพิพากษาคดีดังกล่าวในงบการเงิน” นายชนินท์
กล่าวชี้แ้จงในรายละเอียด
นายชนินท์ กล่าวยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 30 ปีในการดำเนินธุรกิจ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถขยายธุรกิจไปในหลายประเทศ ได้รับการยอมรับ และเชื่อถือจากนานาชาตินานาสถาบัน ตลอดจนนักลงทุน ทัง้ ทางด้านปรัชญา วิธีการ และผลของการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนผลงานด้านบรรษัทภิบาล ความโปร่งใส และความสามารถในการบริหาร ดังนัน้ บริษัทฯ จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้วิธีการอันไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมหรือความไม่สุจริตเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
“โครงการหงสาเป็นโครงการระหว่างประเทศที่ บริษัทฯ ได้ใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาและพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี และอยู่ในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังเป็นโครงการนี้เ้ป็นโครงการที่บ้านปูฯ ให้ความสำคัญ เนื่องจากเมื่อโครงการสำเร็จลุล่วงจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับทั้งประเทศไทย และ สปป.ลาว โดยเฉพาะในเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้ า” นายชนินท์กล่าวปิดท้าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายสื่อสารองค์กร บมจ.บ้านปูฯ โทร. 02-694-6783