นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า บทบาทของกระทรวงพาณิชย์ คือการขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์เพื่อการค้าและการพาณิชย์ของประเทศ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งสร้างให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ ให้มีความรู้และพัฒนาทักษะในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันในประเทศ หลักสูตรผู้บริหาร ระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCoT) นี้ถือได้ว่าเป็นการบูรณาการทั้ง 5 ส่วน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม หอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ได้ร่วมกันเปิดหลักสูตร เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และขับเคลื่อนนโยบายส่วนรวมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ “นักธุรกิจ - ผู้บริหารองค์กร — ภาครัฐและเอกชน” มีความพร้อมรับมือกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สภาวะแวดล้อม รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดประชาคมอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ด้วย
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า “การเปิดหลักสูตร TEPCoT ให้กับผู้บริหาร ข้าราชการ จากหลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนครั้งนี้ จะช่วยสร้างองค์ความรู้ในเชิงปฎิบัติและเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำธุรกิจ เกิดความร่วมมือระหว่างกัน เกิดเป็นเครือข่ายที่เกื้อหนุนกันต่อไปในอนาคต ซึ่งหากทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมมือกัน อย่างจริงจัง ที่จะผลักดันให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในกลุ่มธุรกิจ อุตสาหกรรมหลักของประเทศ ก็จะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโต และ GDP ของประเทศได้เป็นผลสำเร็จ”
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวสรุปว่า “จุดเริ่มต้นของหลักสูตรการเรียนนี้ เกิดจากความร่วมมือของ “กระทรวงพาณิชย์และหอการค้าไทย” ที่ต้องการจะสร้างความเข้มแข็งในการเติบโตทางการค้าและการพาณิชย์ของประเทศ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวคงมิอาจดำเนินเป็นผลสำเร็จได้ หากไม่ได้รับการผลักดันจากภาคอุตสาหกรรมและการคลัง และจากภาคเอกชนที่ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรและปรับปรุงกิจกรรมการอบรมนี้ ม.หอการค้าไทยมีความยินดีที่หลักสูตรนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งได้ดำเนินการสอนเป็นรุ่นที่ 5 แล้ว
จากจุดเริ่มต้นในหลักสูตรรุ่นที่ 1 จนถึงรุ่นที่ 5 ได้มีการพัฒนาหลักสูตรให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้หลักสูตรนี้เป็นเวทีเชื่อมโยงแนวคิดจากภาคส่วนต่างๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาระดับประเทศได้อย่างบูรณาการ และลดแรงเสียดทานทางความคิดอันเกิดจากความไม่เข้าใจกันในแต่ละภาคส่วน และก่อให้เกิดเครือข่ายผู้บริหารระดับสูงทั้งจาก “แวดวงการค้าการพาณิชย์” และ “ภาคเอกชน” ที่จะผนึกกำลังกันเพื่อร่วมพัฒนาเศรษฐกิจการค้าไทยให้ก้าวขึ้นไปแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้อย่างภาคภูมิ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 นี้