นายต่อกล่าวว่า “ด้วยปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เองนั้นนับว่าเป็นตลาดหุ้นที่นักลงทุนส่วนใหญ่สนใจลงทุน เนื่องจากเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นแหล่งรวมของหุ้นของบริษัทชั้นนำที่มีคุณภาพซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจำนวนมากแต่นักลงทุนในประเทศไทยเองก็ยังมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการลงทุนในแถบเอเชียหรือจีน เนื่องจากอาจมีความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่หากเราลองนึกถึงหุ้นอย่าง Apple, Intel, Google, Qualcomm, Avon ซึ่งแม้เป็นหุ้นสหรัฐฯ แต่กลับมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง จากรายได้ที่เกิดจากการขายนอกสหรัฐในสัดส่วนค่อนข้างสูง และปัจจุบันค่า P/E ของ S&P 500 อยู่ที่ระดับประมาณ 14 เท่า ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 16.51 เท่า และที่สำคัญผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ยังดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์และมีการเติบโตของกำไรต่อหุ้นอย่างต่อเนื่อง”
นายต่อกล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามองว่าภาพรวมของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่น่าจะดีขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ QE3 ในเงื่อนไขที่ค่อนข้างดี เพราะไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของมาตรการ และระบุชัดเจนว่าจะทำจนกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐและปัญหาการว่างงานดีขึ้น ซึ่งต่างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ทั้ง QE1, QE2 หรือ Operation Twist ที่มีการระบุวงเงินและระยะเวลาในการดำเนินการอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เชื่อว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวยังทำให้ความกังวลเรื่องสภาพคล่องในระบบเริ่มคลี่คลายลง พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นอันเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น
ด้วยปัจจัยบวกต่างๆ ดังกล่าวทำให้เรามองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในเวลานี้ จึงได้ออกกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อเมริกัน โกรท เอฟไอเอฟ (MS-AMERICAN) เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้นดังกล่าวให้แก่ผู้ที่สนใจ จุดเด่นของกองทุนนี้ คือ กองทุนหลักบริหารโดย Manulife Asset Management (US) LLC ซึ่งเป็นทีมบริหารกองทุนที่มากประสบการณ์ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นำโดย Walter T. McCormick และ Emory W. Sanders, Jr. ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการลงทุนกว่า 41 ปี และ 15 ปี ตามลำดับ รวมทั้งทีมผู้จัดการกองทุนที่ทำงานร่วมกันต่อเนื่องมากว่า 10 ปี และที่สำคัญ คือ กระบวนการในการลงทุนและการเน้นคัดเลือกหุ้นที่เน้นหา ”บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว” โดยเลือกจังหวะเข้าลงทุนใน “ระดับราคาที่เหมาะสม” ทำให้เราเชื่อว่ากองทุนนี้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและเหนือกว่าในระยะยาว นอกจากนี้ ด้วยการบริหารกองทุนแบบ Bottom-up ซึ่งการเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเลือกลงทุนที่ตัวหุ้นเป็นหลักจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้” อนึ่ง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2555 กองทุน Manulife Global Fund-American Growth Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุนนี้สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนได้สูงถึง 11.16% สูงกว่าผลตอบแทนของ S&P 500 ประมาณ 3.22%”
ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนหลัก
3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี นับจากต้นปี นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน
(YTD) (10 ก.ย. 2530)
Manulife Global Fund-American Growth Fund (Share Class A)* 11.16% 3.87% 17.57% 42.02% -3.30% 13.34% 889.33%
S & P 500 7.94% 4.14% 18.00% 46.70% 6.56% 13.51% 651.57%
ที่มา : Morningstar ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2555 หมายเหตุ : ผลตอบแทนสะสมในรูปสกุลเงิน USD
*Manulife Global Fund-American Growth Fund แบ่งเป็น 3 Share Classes ได้แก่ A, AA และ I โดยกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อเมริกัน โกรท เอฟไอเอฟ
(MS-AMERICAN) จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Manulife Global Fund-American Growth Fund (Share Class I)
กองทุน MS-AMERICAN เปิดเสนอขายครั้งแรก 1-10 ตุลาคม 2555 โดยผู้ลงทุนในช่วงนี้ ทาง บลจ. คิดค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุนแค่ 1.00% และโปรโมชั่นสำหรับผู้ลงทุนทุก 1 ล้านบาท รับหน่วยลงทุนของกองทุน MS-MONEY มูลค่า 1,500 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทจัดการกำหนด) หากท่านใดสนใจลงทุนในกองทุนดังกล่าว สามารถติดต่อมาที่ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) โดยตรงหรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนที่ได้รับแต่งตั้ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจลงทุน ติดต่อ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2354-1001
ฝ่ายการตลาด :
ชัชฎดา เอกะหิตานนท์ 0-2264-7650 ต่อ 8615 หรือ 0-2354-1006
พันธุ์วดี พินทุโยธิน 0-2246-7650 ต่อ 8608