1. ในช่วงก่อนการเริ่มการสัมมนา ปลัดกระทรวงการคลังได้ให้สัมภาษณ์กับนาย David Ingles เจ้าหน้าที่จากสถานีข่าว Bloomberg ประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ในด้านของการลงทุนในประเทศไทยและอาเซียน โดยปลัดกระทรวงการคลังได้ให้ความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการลงทุนที่ประเทศไทย โดยได้กล่าวได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของเศรษฐกิจไทยและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากนั้น เป็นพิธีการเปิดการสัมมนา AFMIS ครั้งที่ 9 โดยนาย Cesar V. Purisima รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฟิลิปปินส์ ในฐานะเจ้าภาพการสัมมนา ได้กล่าวรายงานเปิดการสัมมนา พร้อมทั้ง ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์และความคาดหวังของการสัมมนา AFMIS ในครั้งนี้ และนาย Tharman Shanmagarutnam รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสิงคโปร์ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary and Financial Committee) ซึ่งเป็นคณะกรรมการด้านที่ปรึกษาเชิงนโยบายของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ได้กล่าวปาฐกถาว่าความเสี่ยงจากเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอาเซียนทั้งในด้านทางตรงและทางอ้อม ประกอบกับข้อจำกัดทางด้านนโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่เริ่มมีมากขึ้นของทุกประเทศ ทำให้อาเซียนจะต้องดำเนินการป้องกันความเสี่ยงโดยการพัฒนาเศรษฐกิจจากด้านอุปทาน (Supply Side Policy) ได้แก่ การเพิ่มผลผลิตของแรงงาน การพัฒนาจากแรงงานที่มีรายได้ต่ำไปสู่แรงงานที่มีรายได้สูงให้มากขึ้นพร้อมทั้งได้เน้นย้ำให้มีการพัฒนาโครงสร้างตลาดทุนของอาเซียนให้รองรับกับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายมากขึ้น โดยเฉพาะการดำเนินโครงสร้างให้เอื้อกับการดึงดูดเงินลงทุนระยะยาวและลดการดึงดูดเงินลงทุนระยะสั้นที่มีความผันผวนมากกว่า ซึ่งจะส่งผลดีทั้งในด้านการลงทุนและเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ
2. สำหรับการสัมมนาช่วงเช้าเป็นการสัมมนาในรูปแบบ Panel Discussion โดยในส่วนของประเทศไทย ปลัดกระทรวงการคลังได้ให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนโดยได้เน้นย้ำถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยจากสถานการณ์อุทกภัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2554 ว่าภาครัฐได้มีมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย อาทิ ภาคยานยนต์ ภาคอิเล็กทรอนิกส์ กลับมาดำเนินการได้อย่างเป็นปกติแล้ว
ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยยังคงสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าในปี 2555 เศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้ที่ประมาณร้อยละ 5.5 ต่อปี จากการสนับสนุนของอุปสงค์ภายในประเทศ นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการคลังได้กล่าวว่ากระทรวงการคลังได้มีมาตรการสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลที่ได้ปรับลดลงมาจากระดับร้อยละ 30 มาอยู่ที่ร้อยละ 23 ในปี 2555 และจะปรับลดลงไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 20 ในปี 2556 นี้ พร้อมทั้งได้กล่าวถึงบทบาทการลงทุนของภาครัฐของไทยในระยะถัดไปว่า รัฐบาลได้มีแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระยะ 7 ปี มูลค่าประมาณ 2.27 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคในหลายสาขา รวมถึงการบริหารจัดการน้ำ การสร้างความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางด้าน Logistics ในการรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งจะสนับสนุนให้การค้าขายและการดำเนินการด้านศุลกากรมีความสะดวกมากขึ้น ทั้งนี้ แผนการลงทุนดังกล่าวของรัฐบาลยังมุ่งเน้นการให้ร่วมลงทุนของภาคเอกชนในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับภาคเอกชนสามารถเข้ามาร่วมลงทุนด้วย
3. ในการสัมมนาในช่วงบ่าย เป็นการแบ่งกลุ่มย่อยโดยให้ผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆของภาคเอกชนจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนพบปะกับนักลงทุนโดยแบ่งออกตามสาขาเศรษฐกิจประกอบด้วย 1) โครงสร้างพื้นฐาน 2) อสังหาริมทรัพย์ 3) การค้าขาย 4) การท่องเที่ยว และ 5) ทรัพยากรและพลังงาน
การสัมมนานักลงทุนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนากว่า 400 คน ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของสถาบันลงทุนระหว่างประเทศ บริษัทจัดการกองทุนเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่ และนักลงทุนระหว่างประเทศจากทั่วโลก
สำนักการเงินการคลังอาเซียน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. (02) 273-9020 ต่อ 3660