ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures

อังคาร ๑๖ ตุลาคม ๒๐๑๒ ๐๙:๑๑
- ทองร่วงหลังยอดค้าปลีกสหรัฐดีกว่าคาด

- SPDR ถือทองลดลง 6.63 ตัน

- ซื้อเก็งกำไรที่แนวรับ 1,725-1,730 ดอลลาร์

- ราคาทองคำและราคาโลหะเงินปรับฐานลงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนต่างประเมินว่าธนาคารกลางของสหรัฐอาจยุติการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าเดิม หลังมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับรายงานอัตราเงินเฟ้อของจีนที่เริ่มทรงตัว จนทำให้ความต้องการถือทองป้องกันเงินเฟ้อมีน้อยลง

- ราคาทองคำปรับฐานลงแรงหลังมีรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐในเดือนกันยายนซึ่งออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมายอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% ในขณะที่ผลสำรวจจากนักเศรษฐศาสตร์ในสหรัฐประเมินว่าจะขยายตัวขึ้นเพียง 0.8% นักลงทุนจึงกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจยุติการผ่อนคลายทางการเงินเร็วขึ้น โดยในช่วงตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมารายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐโดยรวมแล้วออกมาดีกว่าที่ตลาดประเมิน แต่นักลงทุนบางส่วนได้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นผลจากประเด็นการเมืองของสหรัฐ ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน

- สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่าเงินเฟ้อเดือนกันยายนขยายตัวขึ้น 1.9% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด แต่เป็นการขยายตัวในระดับที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า และนอกจากรายงานอัตราเงินเฟ้อแล้วตลาดยังรอติดตามรายงานจีดีพีไตรมาส 3 ของจีน รวมทั้งการประมูลพันธบัตรรัฐบาลของสเปนในวันเดียวกัน ส่วนในระยะสั้นคาดว่าราคาทองจะยังถูกกดดันจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด และคาดว่าจะทำให้การฟื้นตัวของราคาทองมีกรอบค่อนข้างจำกัด

- ราคาทองปรับฐานลงสู่แนวรับบริเวณ 1,730 ดอลลาร์ จึงคาดว่าอาจมีการดีดตัวในระยะสั้นเกิดขึ้น แต่หากราคาทองไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณนี้ได้ อาจจะมีแรงขายกลับออกมามาก จนทำให้ราคาทองปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,700 ดอลลาร์ ต่อไป โดยในระหว่างวันมีแนวต้านอยู่ที่ 1,745-1,750 ดอลลาร์ หากราคาทองกลับขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านนี้ได้ ก็จะเกิดเป็นสัญญาณซื้อยืนยันทิศทางการฟื้นตัวที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไป ส่วนราคาโลหะเงินคาดว่าอาจเริ่มมีการดีดตัวกลับ หลังจากวานนี้ปรับฐานลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 32.6 ดอลลาร์ และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 33.0-33.2 ดอลลาร์ ซึ่งยังต้องระวังแรงขายที่คาดว่าจะมีกลับออกมา

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนต.ค.55

Close chg. Support Resistance

25,550 -290 25,400/25,340 25,600/25,750

ราคาทองอ่อนตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ1,735 ดอลลาร์ แต่ยังสามารถประคองตัวเหนือจุดปิดสถานะตัดขาดทุนสำหรับการเก็งกำไรฝั่งซื้อบริเวณ 1,725 ดอลลาร์ ได้ จึงคาดว่าในระยะสั้นจะมีการดีดตัวกลับ โดยมีแนวต้านสำหรับปิดสถานะลดความเสี่ยงอยู่ที่บริเวณ 1,750-1,755 ดอลลาร์

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนต.ค.55

Close chg. Support Resistance

1,026 -10 1,007-1,010/1,000 1,030/1,045

ราคาโลหะปรับฐานลงสู่จุดปิดสถานะตัดขาดทุนการถือครองฝั่งซื้อบริเวณ 32.60 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับลดช่วงการติดลบลง ด้วยราคาที่ปรับฐานลงมาแรงติดต่อกัน 2 วัน คาดว่าจะมีการดีดตัวทางเทคนิค โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 33.2 และ 33.5-33.6 ดอลลาร์ หากยังไม่สามารถผ่านแนวต้านหลังขึ้นไปได้ ควรปิดสถานะซื้อเพื่อลดความเสี่ยง หรืออาจเลือกเก็งกำไรฝั่งขายจากการปรับฐานที่ยังมีแนวโน้มที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๓ LE โชว์ผลงาน Q3/67 กำไรทะยาน 312% รายได้อยู่ที่ 720 ลบ. ส่งซิก Q4 โตต่อเนื่อง ล่าสุดกอด Backlog แน่น 1,300
๑๗:๕๐ แม็คโคร พัทยา ปรับโฉมใหม่ รองรับกำลังซื้อช่วงไฮซีซั่น พร้อมจัดแคมเปญขอบคุณลูกค้าส่งท้ายปี ส่งมอบความคุ้มค่าทั่วเมืองพัทยา
๑๗:๒๑ ยันม่าร์ โชว์นวัตกรรมการเกษตร ในงานประชุมใหญ่ชาวไร่อ้อยสามัญประจำปี พร้อมฉลองครบรอบ 45 ปี สนับสนุนเงินดาวน์แทรกเตอร์ถึง 3
๑๗:๕๒ CHAYO งบ Q3/67 สุดปังทั้งรายได้และกำไร งวด 9 เดือนรายได้พุ่ง 38.85% มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20%
๑๗:๔๘ TNP เข้ารับเกียรติบัตร CAC ในฐานะบริษัทฯ ที่ได้รับการต่ออายุรับรองครั้งที่ 2 มุ่งมั่นเป็นองค์กรที่ร่วมต่อต้านคอร์รัปชันในภาคเอกชนไทย
๑๗:๕๙ คริสตัล โฮม ร่วมกับ AXOR จัดเวิร์กชอป The Power of Colors เผยเคล็ดลับดีไซน์ห้องน้ำหรูด้วยสีสันที่โดดเด่น
๑๗:๓๕ ทีเอ็มบีธนชาต ชวนซื้อสลากกาชาดทีทีบี ได้บุญ พร้อมลุ้นโชค 716 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ การให้ บำรุงสภากาชาดไทย
๑๗:๒๕ PRTR ประกาศงบ Q3/67 กำไรนิวไฮอีกครั้ง โตกว่า 14% ธุรกิจ Outsource ดาวเด่น คาด Q4/67 ดีมานด์พุ่ง
๑๗:๔๔ PLUS ส่ง Coco Royal ลุยช่องทางการขายชั้นนำในจีน ดันยอดขายพุ่ง รับออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่ พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังการผลิต
๑๗:๓๘ PRAPAT ฟอร์มแกร่ง! กวาดกำไร Q3/67 โต 77% แตะ 17.49 ล้านบาท รับปัจจัยหนุนจากรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านครัว