นางสุกุมล กล่าวต่อว่า สำหรับโบราณสถานในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีนั้นกรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะโบราณสถานวัดแก้วพิจิตรที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำปราจีนบุรีทางตะวันตกเมื่อฝนตกมากจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำปราจีนบุรีจำนวนมากทำให้เกิดปัญหาน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมโบราณสถานและพื้นที่ตั้งวัด จึงได้ดำเนินการบูรณะพระอุโสถส่วนฐานและผนังของพระอุโบสถ ซุ้มใบเสมา กำแพงแก้วและซุ้มประตูให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงแข็งแรง รวมทั้งปรับดีดหอพระไตรปิฎกซึ่งมีน้ำท่วมขังให้สูงขึ้นการติดตั้งระบบปิดเปิดฝาท่อระบายน้ำ สำหรับพื้นที่ของสำนักงานศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรีที่ประสบปัญหาน้ำท่วมนั้น สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรีจะดำเนินการจัดทำคันกั้นน้ำ และระบบระบายน้ำโดยรอบพื้นที่สำนักงาน รวมทั้งขุดลอกสระน้ำด้านหน้า สำนักงานและพิพิธภัณฑ์ด้วย
"ปัจจุบันกระทรวงวัฒนธรรมได้งบประมาณบูรณะโบราณสถานทั่วประเทศ 200 กว่าล้านบาท โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมศิลปากรประสานไปยังหน่วยงานต่างๆที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่ให้สำรวจโบราณสถานว่าที่ใดมีปัญหาชำรุดก็ให้ทำรายงานเข้ามาเพื่อที่จะทำแผนเร่งด่วน ตามนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรมที่มอบหมายให้กรมศิลปากรเร่งสำรวจดูแลแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีงบประมาณที่จะมาดูแล ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าโบราณสถานเสียหายก็จะสามารถของบประมาณได้ สำหรับวันนี้ได้มาลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการบูรณะโบราณสถานต่างๆ จึงได้มอบหมายนโยบายว่าโบราณสถานที่อยู่ริมน้ำ โดยเฉพาะที่มีจิตรกรรมฝาผนังต้องมีระบบการระบายน้ำ และความชื้นด้วย เนื่องจากระบบการระบายน้ำเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะช่วงที่มีฝนตกค่อนข้างมาก เรื่องของเครื่อง สูบน้ำประจำจุดก็มีความสำคัญไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่เองหรือพื้นที่ใกล้เคียงก็ควรมีประจำจุด เพราะจะได้ช่วยเหลือได้ทันในกรณีที่มีน้ำมา" นางสุกุมล กล่าว