นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2555 ว่า บริษัทมีผลประกอบการเติบโตขึ้นทุกด้าน สะท้อนยอดขายจากสาขาเดิมที่สูงเพิ่มขึ้น ความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาด และการเปิดสาขาใหม่ที่ช่วยเพิ่มทั้งยอดขายและรายได้จากค่าเช่าและการบริการ ย้ำความพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนเพื่อนำความคุ้มค่าสูงสุดสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ
นางสาวรำภา แจ้งว่า “ยอดขายไตรมาส 3 ของปี 2555 อยู่ที่ 27,351 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,003 ล้านบาท หรือ 7.9% สำหรับรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,991 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 189 ล้านบาท หรือเติบโต 10.5% ซึ่งผลประกอบการที่ดีนี้ ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของไตรมาส 3 อยู่ที่ 3,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256 ล้านบาท หรือ 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และผลกำไรสุทธิไตรมาส 3 ของปี 2555 อยู่ที่ 1,033 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 222 ล้านบาท จากผลกำไรสุทธิเมื่อช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตราเติบโต 27.4%”
“ผลประกอบการที่ดีในช่วงไตรมาส 3 ของบิ๊กซี เป็นผลมาจากการพัฒนารูปแบบธุรกิจให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างตรงจุด ทั้งด้านความเป็นผู้นำด้านราคาถูก บริการและการอำนวยความสะดวกที่เน้นให้บิ๊กซีเป็นศูนย์กลางในการจับจ่ายใช้สอยอย่างครบวงจร และการพัฒนาสัดส่วนพื้นที่เช่าและความหลากหลายของร้านค้าเช่า นอกจากนั้น ยังเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของการเป็น “ห้างค้าปลีกแห่งความสนุกสนาน” ที่เน้นการสร้างความตื่นเต้นและสนุกสนานควบคู่ไปกับความคุ้มค่าในการจับจ่ายของทั้งครอบครัว ได้ดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการที่บิ๊กซีอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำด้วย”
“ในไตรมาส 3 บิ๊กซีได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต 3 สาขา ที่จังหวัดสตูลเลย และมุกดาหาร บิ๊กซี มาร์เก็ต 3 สาขา ที่จังหวัดระยอง กาญจนบุรี และคู้บอน กรุงเทพมหานคร มินิบิ๊กซี15 สาขา (ในจำนวนนี้ 2 สาขาอยู่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก) และร้านขายยาเพรียว 15 สาขา ซึ่งการเปิดสาขาเหล่านี้ เป็นไปตามแผนการขยายธุรกิจในปี 2555 คือการเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต 4 สาขา บิ๊กซีมาร์เก็ต 6 สาขา มินิบิ๊กซี 75 สาขา และร้านขายยาเพรียว 40 สาขา และพร้อมจะขยายการเติบโตอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป” นางสาวรำภาฯ สรุป