เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2555 บริษัท กัลฟ์ เจพี ยูที จำกัด (Gulf JP UT Co., Ltd.) ได้ลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินกับสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ 8 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยธนาคารไทย 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ สถาบันการเงินต่างประเทศ 4 แห่งคือ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด (BTMU) และธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) ทั้งเงินสกุลบาทและเงินเหรียญสหรัฐฯ รวมมูลค่าประมาณ 39,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอุทัย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าอิสระขนาดใหญ่ หรือ Independent Power Producer (IPP) กำลังการผลิตรวม 1,600 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อำเภออุทัย จังหวัดอยุธยา โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า และจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะยาว 25 ปี ทั้งนี้ คาดว่าโรงไฟฟ้าอุทัยจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2558
ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Power Development Plan) ล่าสุด มีการประมาณการภาพรวมความต้องการของพลังงานไฟฟ้าเพื่อตอบสนองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของไทย พบว่าจากกำลังการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันที่ประมาณ 34,000 เมกกะวัตต์ จะต้องปรับเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 56,000 เมกกะวัตต์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น หรือหมายถึงความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มอุปทานของพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ระบบสุทธิที่ 22,000 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะมาจากการลงทุนทั้งของภาครัฐโดย กฟผ.และภาคเอกชน
บริษัท กัลฟ์ เจพี ยูที จำกัด เป็นบริษัทย่อยของบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอิสระขนาดใหญ่ 1,600 เมกะวัตต์ ประเภทพลังความร้อน ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ของกระทรวงพลังงาน โดยโรงไฟฟ้าอุทัยถือเป็นโรงไฟฟ้า IPP 1 ใน 2 แห่งของกลุ่มกัลฟ์ เจพี ทั้งนี้ กลุ่มกัลฟ์ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าของประเทศ มีโรงไฟฟ้าในกลุ่มที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวนรวมทั้งสิ้น 9 แห่ง กำลังการผลิตรวม 3,990 เมกะวัตต์