บริษัท ซานุม อินเวสต์เม้นต์ ประกาศว่า ขณะที่บริษัทอยู่ในระหว่างการยื่นฟ้องรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่อ อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศสืบเนื่องจากข้อพิพาทสองกรณีซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้บริหารของบริษัทฯ ได้รับแจ้งว่าตนเองอาจเสี่ยงถูกจับกุม ทั้งนี้อ้างตามรายงานการตรวจสอบอย่างเป็นทางการที่จัดทำโดยเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงของลาว
ภายหลังจากที่บริษัทซานุม อินเวสต์เม้นต์ได้ถูกยึดไลเซนต์และใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจในลาวโดยพลการเมื่อสองปีที่ผ่านมา ผู้บริหารของบริษัทฯ ได้หวังว่าเรื่องร้ายๆ จากเจ้าหน้าที่ของลาวที่ปฏิบัติงานอย่างคลุมเครือมากขึ้นทุกทีนั้นคงจะบรรเทาลง แต่สิ่งที่หวังไว้กลับตรงกันข้ามเมื่อหนึ่งในทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของบริษัทฯ ที่ยังเหลืออยู่ในลาวถูก “ตรวจสอบ” อย่างมีเงื่อนงำ และยังถูกกล่าวหาเรื่องภาษีอย่างไม่มีมูลความจริงเป็นจำนวนเงิน 23 ล้านเหรียญสหรัฐอีกด้วย รายงานที่ออกมาจากการตรวจสอบดังกล่าวยังให้ข้อแนะนำที่น่าตกใจแก่บริษัทฯ ว่าบรรดากรรมการและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทซานุม จะถูกแจ้งข้อหากระทำผิดกฎหมายอาญาหากบริษัทไม่ยอมจ่ายภาษีที่รัฐบาลลาวเรียกร้องอย่างไม่มีมูลความจริงนั้นโดยทันที
สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็คือว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ที่ทำงานอยู่ในลาวจำนวน 12 คน และผู้บริหารของบริษัทฯ ที่อยู่นอกประเทศลาวอีกจำนวนหนึ่งต่างตกอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะโดนจับกุม ผู้บริหารที่อยู่ต่างประเทศถูกบังคับให้ต้องอยู่นอกประเทศลาวต่อไปด้วยความกลัวว่าตนจะถูกจับกุมหากเดินทางกลับเข้ามาในประเทศลาว การแจ้งต่อบริษัทฯ เรื่องการจับกุมนี้มีความไม่เหมาะสมในเชิงกฎหมายและขัดแย้งกับกฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากไม่มีเหตุผลอันน่าเชื่อถือได้ที่ศาลของลาวจะกล่าวหาพนักงานของบริษัทซานุมในเรื่องที่บริษัทฯ ยังไม่ชำระภาษีที่ยังมีการโต้เถียงกันอยู่
มร. โจดี้ จอร์ดาล ประธานบริษัทซานุม เชื่อว่าตนคงจะเป็นหนึ่งในผู้บริหารกลุ่มแรกที่จะโดนจับกุมหากเดินทางกลับเข้าประเทศลาว “สมัยที่รัฐบาลลาวจีบเราให้เข้ามาลงทุนในประเทศ เราได้รับการดูแลราวกับเป็นวีไอพี แต่ไม่นานหลังจากธุรกิจของเราเริ่มทำกำไร ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับรัฐบาลลาวกลับเปลี่ยนเป็นเย็นชา” มร. จอร์ดาลกล่าว “ตอนนี้เราต้องสู้ไม่ใช่เพียงเพื่อปกป้องการลงทุนในลาวของเราเท่านั้น แต่เพื่อความปลอดภัยของพนักงานของเราที่ยังอยู่ในประเทศลาวด้วย”
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทซานุมและบริษัทแม่ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเนื่องจากผิดข้อตกลงทางการค้าที่คุ้มครองการลงทุนของบริษัทฯ ที่มีการลงนามร่วมกันระหว่างรัฐบาลลาว กับจีนและเนเธอร์แลนด์ ข้อฟ้องร้องดังกล่าวนี้จะได้รับการพิจารณาโดยศาลยุติธรรมอิสระซึ่งมีอำนาจในการออกคำสั่งให้รัฐบาลลาวจ่ายค่าชดเชยแก่นักลงทุนต่างชาติได้ “กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้างหากไม่เคารพข้อกฎหมายกัน ข้าราชการที่กระตือรือร้นทำเพื่อตนเองทั้งหลายที่อยู่ในรัฐบาลลาวต่างได้รับอนุญาตให้หาผลประโยชน์จากนักลงทุนต่างชาติ” มร. จอร์ดาลกล่าว
หนึ่งในข้อพิพาทภายใต้ข้อตกลงทางการค้าของเนเธอร์แลนด์เกิดจากการที่บริษัทคู่ค้าในลาวซึ่งคือบริษัท เอสที กรุ๊ป ได้ยื่นฟ้องร้องบริษัทซานุมในหลายกรณีเมื่อต้นปีนี้ ข้อขัดแย้งระหว่างบริษัทซานุมและบริษัทเอสที กรุ๊ป ปะทุขึ้นเมื่อฝ่ายหลังปฏิเสธที่จะเคารพข้อผูกมัดที่ได้ตกลงกันไว้ภายใต้ข้อตกลงฉบับหลักที่บริษัททำไว้กับบริษัทซานุมเมื่อปี 2550
“ถ้าจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็คือว่า บริษัท เอสที กรุ๊ป ใช้อำนาจศาลในการยกเลิกสิทธิในการเป็นเจ้าของ Thanaleng Clubs ซึ่งทำธุรกิจสลอตแมชชินที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ธุรกิจนี้ทำกำไรสุทธิได้มากกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละเดือน” มร. จอร์ดาล กล่าว “ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลลาว ตลอดจนบุคคลบางคนในกระบวนการศาลของลาว เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีอาวุธ และเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองของลาว ทำให้บริษัท เอสที กรุ๊ป สามารถเข้ายึดเอาธุรกิจไปได้ในที่สุด”
บริษัท เอสที กรุ๊ป มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลลาว ทำให้บริษัทยังสามารถทำให้ศาลของออสเตรเลียรับฟังข้อกล่าวหาที่ไม่มีความยุติธรรมทั้งหลายที่บริษัทฟ้องต่อบริษัทซานุมด้วย จากนั้นศาลของลาวได้แจ้งแก่บริษัทซานุมด้วยหนังสืออย่างเป็นทางการว่าบริษัทมีเวลา 48 ชั่วโมง ในการยื่นคำชี้แจงต่อข้อกล่าวหาทั้งหลาย ซึ่งเท่ากับเป็นการเอื้อให้บริษัท เอสที กรุ๊ป เข้ายึดธุรกิจที่บริษัทซานุมได้สร้างขึ้นจนเติบใหญ่เป็นบริษัทมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทซานุมมีเวลาชี้แจงในศาลเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้น และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ คณะผู้พิพากษาใช้เวลาพิจารณากันเพียงครึ่งชั่วโมงก็กลับออกมาพร้อมเอกสารแสดงความคิดเห็นที่มีการพิมพ์ไว้ล่วงหน้าความยาว 8 หน้า
ศาลของลาวยังเรียกเก็บค่าปรับจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐกับบริษัทซานุมโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า นอกจากนี้สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ มีการออกคำสั่งอายัดบัญชีธนาคารหลายบัญชีของบริษัทซานุมหนึ่งวันก่อนที่จะมีการพิจารณาในศาลเพื่อนำมาชำระค่าปรับ ซึ่งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือการอายัดบัญชีธนาคารของบริษัทซานุมเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเริ่มพิจารณาคดีด้วยซ้ำไป
การกระทำที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวกำลังจะเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก(WTO) ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ผู้แทนของ WTOจะมีการประชุมกันอีกครั้งหนึ่งในปลายเดือนตุลาคม และคาดว่าจะมีการโหวตเพื่อรับประเทศลาวเข้าเป็นสมาชิก
“หากว่าการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนซึ่งจะเกิดขึ้นจากการเข้าเป็นสมาชิกของWTO และการพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการต่อข้อพิพาททางการค้าสองกรณีที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราแน่ใจได้ว่าจะมีการเคารพกฎหมายเกิดขึ้นได้ในประเทศลาว ก็คงเกิดคำถามว่าการกลับเข้าไปลงทุนในลาวโดยชาวต่างชาตินั้นจะมีความปลอดภัยเพียงใด” มร. จอร์ดาล กล่าว เขายังเสริมด้วยว่าจากแหล่งข้อมูลในลาวที่เขาได้รับมา บริษัทซานุมไม่ใช่นักลงทุนต่างชาติรายแรกที่ต้องประสบปัญหาการเข้ายึดครองธุรกิจโดยพลการและกระบวนการด้านกฎหมายและภาษีที่ไม่เป็นธรรมโดยเจ้าหน้าที่ภาครัฐของลาว
“การที่เราออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อผู้สนับสนุนทางการเงินของเราเท่านั้น แต่เราจ้างพนักงานมากกว่า 2,000 คนในประเทศลาว และเรามีพันธะที่จะต้องดูแลปกป้องชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาด้วย” มร. จอร์ดาล กล่าวเสริม “สิ่งที่เราต้องการก็คือการได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกันจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลลาว”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าไปที่ www.shameonlaos.com
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทซานุม อินเวสต์เม้นต์ส
บริษัทซานุม อินเวสต์เม้นต์ส จำกัด เป็นบริษัทด้านการลงทุนและพัฒนาที่ก่อตั้งขึ้นในมาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีน บริษัทฯ เน้นการทำธุรกิจในโครงการพัฒนาต่างๆ ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และมีการลงทุนธุรกิจในประเทศอื่นๆ ในเอเชียซึ่งรวมถึงประเทศไทยและกัมพูชาด้วย บริษัทซานุมยังได้เข้าร่วมลงทุนและมีส่วนในการบริหารงานในโครงการโรงแรมและคาสิโนหลายแห่งในลาวซึ่งรวมถึงโครงการสะหวัน เวกัส ในสะหวันนะเขต