นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 9 เดือนแรก ปี 2555 ของบริษัท ฯ สามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ใหม่ใน 9 เดือนแรก ได้ 63,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19,460 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 44.09% แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์ใหม่ 32,839 ล้านบาท และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Floorplan) 30,758 ล้านบาท ด้านยอดสินเชื่อคงค้างในระบบ (Outstanding Loan) ของบริษัทฯ อยู่ที่ 78,600 ล้านบาท คิดเป็น 96.34% ของเป้าหมายปีนี้ที่ตั้งไว้ และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 0.89% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 3 ไตรมาสปี 55 อยู่ที่ 312 ล้านบาท
ด้านนายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2555 มีประมาณ 1 ล้านคัน สูงกว่ายอดขายรถยนต์รายปีของทุกปีที่ผ่านมาของไทย ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ของเดือนกันยายน มียอดจำหน่ายรถยนต์ประมาณกว่า 132,000 คัน จากปัจจัยหลักนโยบายคืนภาษีรถคันแรกที่ทำให้ความต้องการรถยนต์ของคนไทยยังสูงขึ้นต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดการจองในสิ้นปีนี้ และเป็นผลจากการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ด้วย ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไทยปีนี้สามารถทำสถิติยอดขายที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยตัวเลข 1.32 ถึง1.37 ล้านคัน จากเดิมที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.28 ถึง 1.35 ล้านคัน
ส่วนทิศทางตลาดรถยนต์ในประเทศหลังจากสิ้นมาตรการรถยนต์คันแรกนั้น คาดว่าในปี 2556 ตลาดรถยนต์ยังมีโอกาสขยายตัวได้ดี จากยอดรถยนต์คงค้างส่งมอบที่ได้สั่งจองภายในสิ้นปี 2555 แม้ว่ารัฐบาลได้ข้อสรุปว่าจะขยายระยะเวลาส่งมอบรถยนต์และยื่นเอกสารหลักฐานสำหรับโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกออกไปอีก 90 วันก็ตาม นอกจากนี้การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ยังมีต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมตลาด โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นที่เข้าเกณฑ์การคืนภาษีรถยนต์คันแรก อย่างไรก็ตามหลังจากหมดช่วงที่มีการขยายระยะเวลาไปแล้วยอดขายรถยนต์มีโอกาสที่จะชะลอตัวลงพอสมควร เนื่องจากมาตรการรถยนต์คันแรกได้ดึงความต้องการรถยนต์ในอนาคตไปแล้วบางส่วน ทำให้สภาพตลาดรถยนต์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ภายในประเทศในปี 2556 อาจจะมียอดขายเข้าสู่เกณฑ์ปกติตามกลไกตลาด