นางพรนิภา หาชัยภูมิ กรรมการและผู้จัดการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) กล่าวว่า “จากการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ ในการพัฒนาธุรกรรมสินเชื่อที่อยู่อาศัย การจัดหาแหล่งเงินทุน และการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ระหว่าง การเคหะแห่งชาติ และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ระบบเศรษฐกิจ และระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยของประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2555 ที่ผ่านมานั้น จึงเป็นที่มาในการจัดพิธีลงนามสัญญาในวันนี้ โดยมีบทสรุปและสาระสำคัญคือ การนำสินทรัพย์ หรือ สิทธิเรียกร้องที่มีต่อลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทรของ กคช. วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทมาแปลงเป็นหลักทรัพย์ ภายใต้ชื่อ “โครงการความร่วมมือ กคช. และ บตท. เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์” ซึ่งลูกหนี้ดังกล่าวจะเป็นลูกหนี้ที่มีประวัติการผ่อนชำระดีอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี
สำหรับการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์นี้ “บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ SPV5” (จัดตั้งตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540) จะออกจำหน่ายหลักทรัพย์ต่อไป โดย กคช. ยังคงมีหน้าที่ในการบริหารลูกหนี้ (Servicer) ตามสัญญาเช่าซื้อที่อยู่อาศัยโครงการบ้านเอื้ออาทรเช่นเดิม ส่วน บตท. จะทำหน้าที่ในการบริหารกระแสเงินสด (Transaction Administrator) ให้กับนิติบุคคลเฉพาะกิจ
ในเบื้องต้น บตท.คาดว่าจะออกตราสารหนี้ประเภท ABS หรือ Asset Backed Securities และ MBS หรือ Mortgage Backed Securities ซึ่งเป็นตราสารที่มีหลักทรัพย์คุณภาพดีค้ำประกัน สำหรับล็อตแรกจะออกประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2556 6000 ล้านบาท และ 4000 ล้านบาท โดยจะเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป (Public Offering) และนักลงทุนวงจำกัด (Private Placement) เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนและจะทำการออกตราสารหนี้อย่างสม่ำเสมอเฉลี่ยปีละ 2 ครั้งเพื่อให้นักลงทุนทราบความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ บตท. จะมีพิธีลงนามสัญญาแต่งตั้ง “ธนาคารกรุงเทพ” และ “ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น” เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษา วิเคราะห์รูปแบบ โครงสร้าง และทำการศึกษาโครงการฯ นับเป็นการดำเนินตามพันธกิจของ บตท.เพื่อระดมทุนสู่ตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย สนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปิดเสรีประชาคมอาเซี่ยนต่อไป”
สำหรับนายสุรพันธ์ ปูรณคุปต์ SVP ผู้จัดการ ฝ่ายทุนธนกิจ สายวานิชธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ ได้กล่าวถึงโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในครั้งนี้ว่า "โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในประเทศไทยนั้น ถึงจะมีออกมาบ้างแล้ว แต่ก็ถือว่ายังเป็นสิ่งที่ใหม่ต่อตลาดโดยทั่วไปอยู่มาก เนื่องจากนักลงทุนยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทนี้ ธนาคารกรุงเทพและ HSBC รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยผลักดันโครงการความร่วมมือระหว่าง กคช. และ บตท. ในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้หน่วยงานภาครัฐอย่าง กคช. และ บตท. มีทางเลือกในการระดมทุนเพิ่มเติม เพื่อจะลดการพึ่งพาเงินทุนจากภาครัฐโดยตรงและสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มเติมเพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตาม
โครงการนี้หากประสบความสำเร็จจะถือเป็นตราสารหนี้ประเภท ABS หรือ Asset Backed Securities และ MBS หรือ Mortgage Backed Securities แรกในประเทศไทยที่เสนอขายแก่ทั้งผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายย่อย และเป็นการเปิดตลาด Securitization ในประเทศไทยหลังจากที่ไม่มีธุรกรรมดังกล่าวมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ การแปลงสินทรัพย์อันได้แก่ ลูกหนี้เช่าซื้อสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์ ถือเป็นนวัตกรรมสำหรับตลาดตราสารหนี้ไทย ซึ่งจะช่วยพัฒนาตลาดทุนของประเทศไทยให้มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการของนักลงทุนได้มากขึ้น”
นายปัญญา จรรยารุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจบริหารเงินและตลาดทุน ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย กล่าวว่า “ธนาคารเอชเอสบีซีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทางธนาคารกรุงเทพอีกครั้ง และรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างสูงที่ได้รับเลือกให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการให้คำแนะนำ และให้คำปรึกษาในการจัดเตรียมโครงสร้างทางธุรกรรมของโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อให้โครงการความร่วมมือระหว่าง กคช. และ บตท. เป็นโครงการที่ช่วยในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย รวมถึงเป็นการสร้างบรรทัดฐานและมาตรฐานของโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์เพื่อต่อยอดต่อไปในอนาคต และเป็นการเพิ่มช่องทางในการระดมทุนของภาครัฐ ทั้งนี้เพื่อให้ กคช. สามารถพัฒนาโครงการต่าง ๆให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทางธนาคารฯ รู้สึกภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ เพื่อช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยต่อไป”
ติดต่อ:
งานประชาสัมพันธ์ บตท. Tel. 02-618-9933 ต่อ 117 Fax. 02-618-9912-3
www.smcthailand.com