เปิดเผยว่า “กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เอเชียน สมอลแคป อิควิตี้ เอฟไอเอฟ (MS-ASIAN SM) ซึ่งเปิดเสนอขายเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าที่ลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดและกองทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในแถบภูมิภาคเอเชียด้วยกัน โดยผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555 จนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2555 สูงถึง 18.55% ขณะที่ผลตอบแทนของ MSCI AC Asia Pacific ex JP Small Cap Index (เกณฑ์มาตรฐาน) ในช่วงเดียวกันอยู่ที่ -0.91% เท่านั้น”
นายต่อกล่าวว่า “กองทุน MS-ASIAN SM เป็นกองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Manulife Global Fund-Asian Small Cap Equity Fund (กองทุนหลัก) โดยเน้นการกระจายการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชียและ/หรือแปซิฟิก จุดเด่นของกองทุนนี้ คือ กลยุทธ์ในการบริหารกองทุนแบบ Bottom-up ซึ่งผู้จัดการกองทุนหลักจะให้ความสำคัญในการคัดเลือกหุ้นเป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาในการค้นหาหุ้นขนาดเล็กของบริษัทที่ยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของธุรกิจที่กำลังจะประสบความสำเร็จ ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) และมักมีคู่แข่งน้อย หรืออาจแถบไม่มีเลยก็ได้เพราะขนาดตลาดเล็กเกินไป จึงไม่ดึงดูดผู้เล่นรายใหญ่ๆ เข้ามา ทำให้สามารถเป็นผู้นำตลาดและมีความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว ดังนั้น บริษัทเหล่านี้จึงมีผลประกอบการที่ดี รวมทั้งมีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตที่สูง
สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเข้าลงทุนเมื่อหุ้นยังมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานและต้องพยายามลงทุนก่อนนักลงทุนในตลาด เพื่อจะได้มีโอกาสในการทำกำไรที่สูงขึ้น โดยผู้จัดการกองทุนจะเข้าลงทุนในหุ้นที่ผ่านการคัดเลือกเหล่านี้ตั้งแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักลงทุนรายใหญ่หรือยังไม่มีการเผยแพร่บนบทวิเคราะห์ และเมื่อบริษัทต่างๆ เหล่านี้ขยายตัวหรือเป็นที่สนใจของนักลงทุนในวงกว้างก็จะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น โดยผู้จัดการกองทุนหลักก็จะพิจารณาขายทำกำไรเมื่อถึงราคาเป้าหมายและเริ่มมองหาหุ้นขนาดเล็กที่มีค่าตัวใหม่ต่อไป
แม้หุ้นหลักๆ หลายตัว ที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนให้ผลตอบแทนกว่า 50% ในปีนี้เนื่องมาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งและดีกว่าตลาดคาดการณ์ แต่ผู้จัดการกองทุนหลักเชื่อว่ากองทุนยังมีศักยภาพสูงในการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไป เนื่องจาก ยังมีหุ้นในตลาดฮ่องกง จีน และเกาหลีอีกมากที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานและยังมี P/E ที่ต่ำมาก แต่มีแนวโน้มอัตราการเติบโตของกำไรในอีก 2-3 ปี ข้างหน้ากว่า 20% และในปัจจุบันระดับราคาหุ้นที่กองทุนถือโดยเฉลี่ยก็ยังต่ำกว่าตลาด โดยมีค่า P/E ประมาณ 11 เท่า (P/E ตลาด 13 เท่า) อีกทั้งยังมีความผันผวนน้อยกว่าตลาด โดยมีค่า Beta เฉลี่ย 1 ปีเพียง 0.84”
นายต่อกล่าวเพิ่มเติมว่า “การบริหารกองทุนด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวค่อนข้างประสบผลสำเร็จและเห็นผลที่ชัดเจนจากผลการดำเนินงานของกองทุนที่เหนือกว่าตลาดอย่างมีนัยสำคัญ หากพิจารณาในระยะ 3 - 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ภาวะตลาดมีความผันผวนจากความไม่แน่นอนต่างๆ และถูกกดดันด้วยปัจจัยลบหลายประการ กองทุน MS-ASIAN SM ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าเกณฑ์มาตรฐานค่อนข้างมากในทุกช่วง แม้ว่าในบางช่วงดัชนีตลาดอาจจะไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักหรือติดลบก็ตาม โดยกองทุนมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน และ 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2555 อยู่ที่ 15.99% และ 13.56% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 5.08% และ
-2.16% ตามลำดับ
เราเชื่อว่า ด้วยวิธีการบริหารกองทุนในลักษณะนี้ทำให้กองทุน MS-ASIAN SM มีความน่าสนใจและสามารถลงทุนได้ในทุกสถานการณ์ เนื่องจากกองทุนไม่ได้อิงกับภาพรวมทางเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่ผู้จัดการกองทุนหลักจะทำหน้าที่เสมือนเป็น Value Investor ในการค้นหาหุ้นเหล่านี้แทนท่าน จึงมีโอกาสที่กองทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้แม้ว่าจะอยู่ในภาวะการลงทุนที่ไม่สดใสบางช่วงก็ตาม หากท่านใดสนใจลงทุนในกองทุนดังกล่าว สามารถติดต่อมาที่ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) โดยตรงหรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนที่ได้รับแต่งตั้ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจลงทุน ติดต่อ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2354-1001”