ฉัตรชัย บุญรัตน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แบรนด์มาลีก่อตั้งมากว่า 3 ทศวรรษ ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามาก ภายหลังจากการดำเนินตามแผน ฟื้นฟูฯ และปรับระบบการทำงานใหม่ ทั้งในด้านบุคลากร กระบวนการทำงาน และสินค้า เปลี่ยนจากอดีตที่มาลีเน้นสินค้าเกษตรส่งออกเป็นหลัก หันมาเน้นสินค้าเครื่องดื่มและทำตลาดภายในประเทศมากขึ้น มีความเป็นฤดูกาลน้อยลง ส่งผลให้การปรับเปลี่ยนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ สามารถหลุดจากแผนฟื้นฟูฯ เมื่อกลางปี 2554 ที่ผ่านมา ประกอบกับการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตมากขึ้น ทำให้ในปีนี้มาลีขยายตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ด้วยสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน การทำการตลาดจึงต้องอาศัยความฉับไวและทันกับกระแสความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น การมีผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์เข้ามาช่วยเสริมทัพจึงเป็นการสอดรับกับนโยบายการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี
รุ่งฉัตร บุญรัตน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ ตราผลิตภัณฑ์ บริษัท มาลี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ในฐานะนักบริหารคลื่นลูกใหม่ เปิดเผยถึงภาพรวมการตลาดของมาลีหลังจากที่ตนเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารของมาลีตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจและแผนการตลาด เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดน้ำผลไม้ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระแสรักสุขภาพยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
โดยในปี 2555 นี้มูลค่าตลาดรวมของน้ำผลไม้ทุกๆ segment อยู่ที่ 11,400 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10% ต่อปี โดยในตลาดน้ำผลไม้กลุ่ม Premium 100% มาลีสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 25% มีอัตราการเติบโต 24% จากช่วงที่ผ่านมา
“สำหรับกลยุทธ์หลักๆ ของมาลี ยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพของสินค้าตลอดทั้งกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด เพราะเราคำนึงถึงสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคเป็นสำคัญ พร้อมทั้งยังมีการมีปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้นเพื่อรองรับกลยุทธ์ในเรื่องการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานผู้บริโภคไปสู่กลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ในวัยเริ่มทำงาน ให้เพิ่มมากขึ้น”
ทั้งนี้ มาลีหันมาให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กลงตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในเมือง ที่เน้นเรื่องความสะดวกในการพกพาและดื่มง่าย เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของร้านสะดวกซื้อ และรูปแบบ Super/Hyper ที่มีการลดขนาดพื้นที่ให้เล็กลง
รุ่งฉัตร กล่าวอีกว่า เนื่องจากที่ผ่านมามาลีให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนในการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกสายพันธุ์ผลไม้ต่างๆ ไปจนถึงขั้นตอนในการผลิต และบรรจุลงกล่อง เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในรสชาติ และคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ตรามาลีทุกกล่อง ในปีนี้มาลีจึงได้เปิดตัว slogan ใหม่ คือ “Malee Fruit with care” เพื่อสื่อถึงความห่วงใยของเราที่อยู่ในผลิตภัณฑ์มาลีทุกหยด พร้อมกันนี้ ได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ “Why Care?” เพื่อสื่อให้ผู้บริโภคทราบว่า มาลีเป็นน้ำผลไม้ที่ห่วงใยคุณมากที่สุด โดยการกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาดูแลตนเอง และดูแลคนรอบข้าง ด้วยการมอบน้ำผลไม้ที่ถูกดูแลมาอย่างดีทุกขั้นตอนเพื่อสุขภาพแทนความห่วงใย
รุ่งฉัตร กล่าวต่อว่า แคมเปญ “Why Care?” นับเป็นมิติใหม่ในการทำการตลาดพร้อมกับการสร้างแบรนด์ด้วยแนวคิด “Co-creation Marketing” คือการให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับความเชื่อของแบรนด์ผ่านประสบการณ์ตรง เริ่มจากการตั้งคำถามกับผู้บริโภค ว่า “หรือความห่วงใยมีไว้เพื่อถูกมองข้าม” จากนั้นได้นำคำห่วงใยที่คนไทยพูดกันบ่อย แต่ไม่ค่อยใส่ใจ 5 คำ มาตั้งเป็น installation arts ที่ดูแห้งแล้ง อยู่กลางเมือง ทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และมอบคำทั้ง 5 ให้ศิลปินถ่ายทอดเป็นบทเพลง ได้แก่ “พักบ้างนะ” ถ่ายทอดโดย วงฟรายเดย์ “ขับรถดีๆ” โดยวงมายด์ “กินข้าวยัง” โดยวงละอองฟอง “อย่าคิดมาก” โดยโอ๋ — ธีร์ ไชยเดช และ “อย่านอนดึก” โดยปั่น — ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว จากนั้นเชิญชวนให้คนไทยส่งต่อคำห่วงใยทั้ง 5 ในรูปแบบเพลง, ถ้อยคำ, ภาพ, มิวสิควิดีโอ ให้กันผ่านทางรายการวิทยุ, โทรทัศน์, facebook, twitter, instagram ซึ่งมาลีได้ทำการนับทุกๆ ความห่วงใยที่ถูกส่งต่อ ยิ่งมากเท่าไร installation arts ของคำทั้ง 5 ก็จะเบ่งบานสวยงามขึ้นมากเท่านั้น
“มาลีอยากมอบความรัก ความห่วงใย ให้กับคนในสังคมไทย โดยนำคำพูดง่ายๆ ข้างต้น มาร่วมกับทาง SPICY DISC แต่งเป็นบทเพลงความหมายดีๆ 5 บทเพลง พร้อมส่งมอบให้กับคนรอบๆ ตัวเรา ผ่าน why-care.com ได้ตลอดเวลา และจะทยอยส่งต่อความห่วงใย ผ่านคนที่เรารัก จากหนึ่งไปสอง จากสองไปสี่ จนไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งความห่วงใยที่พวกเรามอบให้กับสังคมนั้น จะเสริมสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่ตลอดไป”