นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ KBS งวดไตรมาส 3 ปี 2555 (สิ้นสุด 30 กันยายน 2555 ) สามารถทำกำไรสุทธิ 152.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 111.23 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักเนื่องมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 450 ล้านบาท หรือ 35.3% จากปริมาณการส่งออกน้ำตาลให้ลูกค้าต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 56.6% หลังจากเกิดความล่าช้าในกระบวนการขนส่งน้ำตาล ในไตรมาสที่ 2 ทำให้การรับรู้รายได้เลื่อนมาอยู่ไตรมาสที่ 3 มากขึ้น ขณะที่งวด 9 เดือนบริษัทมีกำไรสุทธิ 702.78 ล้านบาท
จากตัวเลขผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่า รายได้และกำไรสุทธิของ KBS ในปี 2555 นี้ จะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 6,160 ล้านบาท และกำไรสุทธิมากกว่า 800 ล้านบาท แม้ว่าปริมาณการหีบอ้อยจะลดลงไปประมาณ 10% อยู่ที่ 2.5 ล้านตัน แต่บริษัทฯได้ปรับตัวโดยการเน้นไปผลิตน้ำตาลทรายขาวเพื่อการส่งออก และราคาขายต่างประเทศเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าปีก่อน โดยในปัจจุบัน KBS มีสัดส่วนการส่งออก 70% และขายในประเทศ 30%
"ในไตรมาสที่ 3 เรามียอดส่งออกน้ำตาล ที่มีความล่าช้ามาจากไตรมาสที่ 2 ทำให้ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นมากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้เรายังมีน้ำตาลที่รอส่งมอบไปยังต่างประเทศในไตรมาส 4 อีกกว่า 30,000 ตัน ดังนั้นจึงมีความเชื่อมั่นว่า ผลประกอบการของ KBS ในปีนี้ จะไม่ต่ำกว่าปีก่อน ดังนั้นเงินปันผลของเราในปีนี้ ก็น่าจะไม่น้อยกว่าปีก่อนที่จ่ายปันผลไป 0.60 บาทต่อหุ้นด้วย โดยได้มีการจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 0.20 บาทต่อหุ้น และจะมีการจ่ายอีกครั้งในงวดปลายปีนี้" นายอิสสระกล่าว
นายอิสสระ กล่าวอีกว่า ในปี 2557 จะได้เห็นการเติบโตของกำไรสุทธิของ KBS อย่างมีนัยสำคัญประมาณ 25-30% จากโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่ KBS ถือหุ้น 99.99% กำลังการผลิต 35 เมกกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จ พร้อมขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้ประมาณเดือนมกราคม 2557 โดยในขณะนี้ทุกอย่างยังสามารถเดินหน้าตามกำหนดการที่วางเอาไว้ ในขณะที่ปี 2556 ผลการดำเนินงานของ KBS จะกลับมาเติบโตได้ในระดับปกติ โดยมีอัตราการขยายตัว 10-15%