ศ.ดร.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก โครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.) เพื่อสนับสนุนทุนวิจัยนักศึกษาระดับปริญญาเอก ให้นักศึกษาได้เรียนอย่างมีเป้าหมาย เกิดการวิจัยที่มีความเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม และสามารถนำผลการวิจัยที่ได้มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ณ ห้องประชุม อาคารเบทาโกร ทาวเวอร์ (นอร์ธปาร์ค)
นายวนัส กล่าวว่า การวิจัยและพัฒนาเป็นยุทธศาสตร์ที่ประเทศที่พัฒนาแล้วให้ความสำคัญและใช้เงินลงทุนกับโครงการวิจัยจำนวนมาก ทั้งการสร้างบุคลากรวิจัยให้มากพอทั้งปริมาณและคุณภาพ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการวิจัย เครือเบทาโกรตระหนักถึงความสำคัญของการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่เป็นเลิศ โดยถือเป็นพันธกิจสำคัญขององค์กร ซึ่งโครงการสนับสนุนทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก โครงพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม ที่ลงนามความร่วมมือกับ สกว.ในวันนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญในการร่วมพัฒนาองค์ความรู้ และยกระดับการสร้างบุคลากรวิจัยที่มีคุณภาพในด้านอาหารและภาคการเกษตรสำหรับประเทศไทย โดยเครือเบทาโกรจะสนับสนุนทุนการศึกษาระดับปริญญาเอกปีละ 5 ทุน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 5 ปี รวมทั้งสิ้น 25 ทุน เป็นจำนวนเงิน 21.25 ล้านบาท พร้อมทั้ง สนันสนุนเงินวิจัยเพิ่มเติมสำหรับการทำวิทยาพิพนธ์อีกทุนละ 200,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี รวมเป็นงบประมาณตลอดทั้งโครงการ 26 ล้านบาท ซึ่งกรอบงานวิจัย ประกอบด้วย งานวิจัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านคุณภาพอาหาร งานวิจัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านปริมาณอาหาร และงานวิจัยเพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม
“แนวทางการวิจัยและพัฒนาทางด้านอาหารของเครือเบทาโกร จะประกอบด้วย การทำวิจัยและพัฒนาเพื่ออาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย การทำวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดการแปรรูปอาหารที่มีผลผลิตสูง การทำวิจัยและพัฒนาอาหารที่มีคุณสมบัติพิเศษที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ หรือ Functional Food และ การทำวิจัยและพัฒนาอาหารสำหรับบุคคลเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ อาหารสำหรับผู้สูงอายุ อาหารสำหรับผู้ป่วย ทั้งด้านคุณภาพทางโภชนาการและด้านการนำไปบริโภค ข้อมูลจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติหรือ FAO คาดการณ์ว่าในปี ค.ศ.2050 ทั่วโลกจะมีจำนวนประชากรสูงถึง 9.1 พันล้านคน มากกว่าปัจจุบันถึง 34% การขยายตัวของชุมชนเมืองทั่วโลกจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราเร่ง ทำให้ความต้องการอาหารทั้งกลุ่มธัญพืชและเนื้อสัตว์สูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะการผลิตเนื้อสัตว์จะมีความต้องการสูงถึง 470 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุจำนวนมากเนื่องจากอัตราการเกิดมีแนวโน้มลดลง คำถามที่เกิดขึ้นคือ เราจะสามารถผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นในอีกเกือบ 40 ปีข้างหน้าได้หรือไม่ และจะสามารถลดอุปสรรค และสร้างความสมดุลย์ต่อปัจจัยต่างๆ ซึ่งได้แก่ การลดลงของทรัพยากร ภาวะโลกร้อน ความต้องการแหล่งพลังงานทดแทน และปัญหาสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ได้อย่างไร เป็นสิ่งที่เราควรต้องพร้อม” นายวนัสกล่าว
ด้าน ศ.ดร.สวัสดิ์ กล่าวว่า โครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.) ได้รับมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2555 มีพันธกิจในการจัดสรรทุนวิจัยให้อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาที่มีประวัติการวิจัยดี เพื่อผลิตนักวิจัยระดับปริญญาโทและปริญญาเอกรวมทั้งผลิตผลงานวิจัยที่ได้มาตรฐานและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง โดยมีความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม สำหรับในปีแรกนี้มีแผนจัดสรรทุนในระดับปริญญาโทจำนวน 190 ทุน และระดับปริญญาเอกจำนวน 90 ทุน และจะเพิ่มจำนวนขึ้นในปีต่อๆ ไป รวมทั้งโครงการจะสามารถสร้างนักวิจัยระดับปริญญาโทกว่า 11,400 คน และระดับปริญญาเอกกว่า 10,500 คน
"ปัจจุบันภาคเอกชนให้ความสำคัญในงานด้านวิจัยและพัฒนามากขึ้น เครือเบทาโกรถือเป็นองค์กรที่มีนโยบายในด้านวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมของตัวเองอย่างชัดเจน ความร่วมมือในครั้งนี้ พวอ.และเครือเบทาโกรจะจัดสรรงบประมาณฝ่ายละ 50% ของค่าใช้จ่ายต่อ 1 ทุน นับเป็นการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ สถาบันอุดมศึกษาและภาคเอกชน ในการสร้างงานวิจัยและบุคลากรวิจัยที่ตรงกับความต้องการและนำไปสู่การใช้ประโยชน์ได้จริงของภาคอุตสาหกรรม” ศ.ดร.สวัสดิ์ กล่าว
ธีรานุช วรรณสาย โทร. 0 2833 8315 อีเมล์ [email protected]
วิภาพรรณ อมรศักดิ์ โทร. 0 2833 8316 อีเมล์ [email protected]
ขนิษฐา ลุนผา โทร. 0 2833 8317 อีเมล์ [email protected]