สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 หรือคิดเป็น 1,459 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 และมีกำไรสุทธิ 205 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการขยายตัวของธุรกิจที่บริษัทกำลังลงทุนอยู่
ธุรกิจบรอดแคสติ้งยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยรายได้ 416 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 152 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯสามารถขยายฐานสมาชิกกว่า 1,000,000 ราย นับเป็นความสำเร็จของการสร้างแพลตฟอร์มของ GMM Z ซึ่งมีแผนกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายโดยการคืนกำไรให้กับสมาชิกพร้อมผลิตรายการใหม่ๆ จากกลุ่ม จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ทั้งยังสามารถรับชมการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตต่างๆ ได้อย่างทันเหตุการณ์ นอกจากนั้นยังมีคอนเทนต์ดีๆ จากต่างประเทศอีกมากมาย อาทิ Nick Jr. Fox Crime NAT Geo ไม่เพียงเท่านั้นฟุตบอลคัพ ได้แก่ Capital One Cup (อังกฤษ) Copa do Brasil (บราซิล) และ Coupe de la Ligue (ฝรั่งเศส) ก็เป็นอีกสปอร์ตคอนเทนต์คุณภาพจาก GMM Z ยิ่งไปกว่านั้นลีกฟุตบอลระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Bundesliga (เยอรมัน) Ligue 1 (ฝรั่งเศส) J.League (ญี่ปุ่น) nPower Championships (อังกฤษ) Argentina League (อาร์เจนติน่า) และ Football Brasil (บราซิล) ก็ยังมีให้ได้รับชมอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ยื่นขอรับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจบรอดแคสติ้งต่อ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาจาก กสทช. หากได้รับใบอนุญาตเมื่อใด แกรมมี่ พร้อมเดินหน้าธุรกิจ Pay TV ทันที อีกทั้ง GMM Z มีแผนการ ให้บริการแบบเสียค่ารับชมแบบจ่ายล่วงหน้า (Prepaid Pay TV) โดยสมาชิกสามารถเลือกชำระค่ารับชมเฉพาะกับรายการที่ต้องการได้ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ
“ในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่วงเทศกาลแห่งความสุข จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ขอมอบความสุขแก่แฟนคลับ ด้วยคอนเสิร์ตใหญ่ อาทิเช่น “มันใหญ่มาก” หรือ “คอนเสิร์ต 25 ปีแบบเบิร์ดเบิร์ด” ซึ่งทุกคนสามารถรับชมการแสดงสดผ่านทางช่อง GMM ONE ได้ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 นี้ นอกจากนี้ ในช่อง GMM ONE ยังมีรายการซิทคอมภาคต่อของละครชื่อดังอย่าง “เป็นต่อ” และหนังสั้นภาคต่อของภาพยนตร์สุดฮิต จากค่าย GTH ที่กำลังจะลงจอให้สามารถรับชมได้ทาง GMM ONE เท่านั้น และสำหรับละครเวที GTH ได้สร้างสรรค์ “ลำซิ่งซิงเกอร์” ละครเวทีเรื่องแรกที่เตรียมขึ้นแสดงบนเวที เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ต่อจาก “มิสไซง่อน” ในส่วนของภาพยนตร์นั้น นอกจาก “รักจับใจ” จากละครเวทีที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และกำลังจะถูกนำมาขึ้นสู่จอเงินในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 นี้แล้ว ทางค่าย GTH เตรียมหนังเข้าฉายอีกหนึ่งเรื่องในเดือนธันวาคม คือเรื่อง “The Countdown” ที่จะทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มในช่วงเทศกาลแห่งความสุข และช่วยสนับสนุนรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และต่อเนื่อง”
“จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีแผนการลงทุนในปี 2555 โดยการใช้เงินทุนจากเงินสดที่มีอยู่และการกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยปัจจุบัน อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt-to-Equity Ratio หรือ D/E) อยู่ที่ 0.68 เท่า” นางสาวบุษบากล่าวสรุป