นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จํากัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2555 ว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2555 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.15 ล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยในฟิลิปปินส์ และบริษัท เอฟ ดี เอ็ม เทคโนโลยี จำกัด (FDM) อีกทั้งยังมีความต้องการเข้ามาค่อนข้างสูงในอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมถึงบริษัทมีศักยภาพและกำลังการผลิตโดยรวมที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 ของบริษัทและบริษัทย่อยพบว่ามีกำไรสุทธิรวมจำนวน 91.63 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 68.56 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 23.07 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 33.65% โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 36.03% เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นในส่วนของบริษัทย่อยในฟิลิปปินส์ ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการในช่วงปลายไตรมาส1/2554 และเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2554 แต่ยังไม่เต็มกำลังการผลิตเท่าในปัจจุบัน รวมถึงในไตรมาส 3/2555 บริษัทรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยเพิ่ม คือ FDM ทำให้รายได้รวมเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
"ยอดขายของกลุ่มบริษัทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่ได้ตั้งไว้ เนื่องจากในปีนี้บริษัทได้เข้าไปถือหุ้นใน FDM จึงทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ประกอบกับความต้องการที่มีเข้ามาค่อนข้างสูงในอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมถึงบริษัทมีศักยภาพและกำลังการผลิตโดยรวมที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ผลการดำเนินงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเชื่อว่าต่อจากนี้ภาพรวมธุรกิจยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและน่าจะผลักดันให้ผลประกอบการทั้งปีโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 25% "นายพีทกล่าว
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากที่ได้ร่วมทุนกับ FDM ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องมือตัดเฉือนโลหะมาตรฐานประเภทคาร์ไบด์ (Standard Carbide Cutting Tool) ภายใต้แบรนด์ Kyocera เพื่อรองรับงานด้านอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ บริษัทจึงได้ปิดกิจการการจัดจำหน่ายเครื่องมือตัดโลหะมาตรฐานประเภทคาร์ไบด์ ภายใต้แบรนด์ ZCC.CT ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท แฮลเทค จำกัด (HC) เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่าง HC และ FDM แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทมากนัก
อย่างไรก็ตามแม้ปัญหาทางเศรษฐกิจจากยุโรป อเมริกา และจีนส่งผลทำให้ยอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Special Cutting Tools ของผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ในประเทศไทยที่เป็นผู้ผลิตหลักของโลก ลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทได้ใช้จังหวะนี้หันมาเน้นผลิตสินค้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายใน 12 เดือนข้างหน้าบริษัทจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เทียบเท่ากับรายได้จากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และ HDD จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากกลุ่ม HDD และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ อยู่ที่ประมาณ 70:30