โอกาสในการลงทุนกับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

พุธ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๐๑๒ ๑๔:๕๐
โดย.... คุณวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมากลุ่มอาเซียนได้รับการจับตามองมากขึ้นจากเวทีโลก เนื่องจากมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา ประเทศในกลุ่มยูโรโซน ที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจนับตั้งแต่วิกฤติการเงินปี 2551 และคาดว่าจะทวีความสำคัญมากขึ้น เมื่อกลุ่มอาเซียนกำลังจะรวมตัวกันเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (AEC) ซึ่งการรวมตัวกันส่งผลให้อาเซียนกลายเป็นภูมิภาคที่สำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลกมากยิ่งขึ้น โดยปัจจัยบวกที่สำคัญของการรวมตัวกันคือตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากภูมิภาคนี้มีประชากรมากถึง 600 ล้านคน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง เนื่องจากเกิดการประหยัดต่อขนาด(Economy of Scale) เกิดขึ้น และด้วยโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่หลากหลายของแต่ละประเทศ ทำให้อาเซียนได้ประโยชน์จากการส่งเสริมแหล่งวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตซึ่งกันและกัน เกิดความร่วมมือกันภายในอาเซียน และเป็นการสร้างโอกาสการค้าการลงทุนระหว่างกันมากขึ้นเพราะสามารถย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Advantage) หรือเป็นฐานการผลิตร่วมกัน นอกจากนี้ ต้นทุนที่ถูกลงด้านการขนส่งสินค้าย่อมอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ด้านทำเลที่ตั้งของอาเซียนนี้ทำให้ภูมิภาคนี้เป็นแหล่งดึงดูดการค้า รวมถึงการลงทุนจากนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโดยตรงหรือเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ASEAN Linkage เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในเรื่องของผลดีจากการร่วมมือกัน เพราะ ASEAN Linkage นั้นทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้มีขนาดของหลักทรัพย์มูลค่าตามตลาด (Market Capitalization) ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ทำให้นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจมากขึ้น อีกทั้งด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตในระดับที่ดีทำให้คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคนี้ยังคงมีการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพในมุมมองของนักลงทุนภายนอกภูมิภาค จึงคาดว่าจะยังมีเม็ดเงินไหลเข้ามายังตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว ความแข็งแกร่ง และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเงินทำให้โอกาสการลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือเพิ่งปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของอินโดนีเซียให้อยู่ในระดับ Investment Grade ในปีที่ผ่านมา และล่าสุดประกาศปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของฟิลิปปินส์ในเดือนที่ผ่านมา ทิศทางการไหลเข้าของเงินลงทุนจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย มุ่งมาสู่กลุ่ม ASEAN ที่ยังให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าโอกาสในการลงทุนจะเพิ่มขึ้น แต่การลงทุนระหว่างประเทศโดยตรงก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมในหลายๆประเด็นที่จำเป็นต่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจของประเทศที่จะเข้าไปลงทุน รวมไปถึงกฎระเบียบที่แตกต่างไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุนและภาษี ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การชำระราคาและการส่งมอบหลักทรัพย์ อำนาจการต่อรอง เป็นต้น นอกจากนี้ ในส่วนของนักลงทุนทั่วไปยังมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนเงินลงทุนที่อาจจะไม่มากพอเป็นอุปสรรคในการลงทุน

จากอุปสรรคและข้อจำกัดดังกล่าว ทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในฐานะที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงการลงทุนในกลุ่ม ASEAN ได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะการลงทุนผ่านกองทุนรวมจะช่วยผู้ลงทุนลดขั้นตอนการที่ยุ่งยากการลงทุน เนื่องจาก บลจ. มีทีมงานที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ ลดความยุ่งยากของผู้ลงทุนเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ในการลงทุนในต่างประเทศ และมีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่าลงทุนโดยตรง นอกจากนี้การลงทุนผ่านกองทุนยังช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนเอง เพราะผู้ลงทุนทั่วไปที่มีเงินลงทุนจำกัดอาจจะไม่สามารถกระจายการลงทุนได้มาก แต่ถ้าเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมอย่างเช่น Feeder Fund จะช่วยได้ เพราะกองทุนหลักที่กองทุน Feeder Fund ไปลงทุนนั้นจะมีการกระจายการลงทุนตามน้ำหนักที่เหมาะสมกว่า โดยที่ผ่านมา บลจ. ต่างๆ ได้เริ่มเข้าไปมีบทบาทในการลงทุนในกลุ่มประเทศ ASEAN บ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนเองโดยตรง หรือกองทุนประเภท Feeder Fund หรือ Fund of Funds ก็ตาม

ในส่วนของ บลจ. กรุงไทย (KTAM) ในฐานะบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่เป็นผู้นำในการออกผลิตภัณฑ์กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น กองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ ETFs ที่มีการเชื่อมโยงกับการลงทุนในอาเซียนอย่างกองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ (GLD) รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนประเภท Term Fund ที่มีการลงทุนทั้งเงินฝากและตราสารหนี้ในบางประเทศในกลุ่ม ASEAN เช่น เงินฝากและตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในไทย ภายใต้ระดับความเสี่ยงของผู้ออกตราสารที่ใกล้เคียงหรือต่ำกว่าการลงทุนในไทย ถือว่า KTAM มีบทบาท และมีการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะเสนอตัวเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในอาเซียนของนักลงทุนในประเทศ ซึ่งในปีหน้า KTAM มีแผนที่จะร่วมมือกับบริษัทจัดการชั้นนำระดับโลกเพื่อออกกองทุน Feeder Fund ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดตราสารทุนของประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนของนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในตลาดตราสารทุนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกเหนือจากการลงทุนในตลาดตราสารทุนไทยเพียงอย่างเดียว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version