ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า นอกจากปัญหาคนไทยไม่รักการอ่านแล้ว ยังพบอีกหนึ่งปัญหาหลักคือ คนไทยไม่รู้จักการออมและขาดทักษะการวางแผนการจัดการด้านการเงิน โดยมีคนไทยเพียงร้อยละ 36.6 เท่านั้นที่เข้าถึงหลักประกันพื้นฐาน อาทิ กองทุน กบข. กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่างๆ (การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2543 — พ.ศ.2552) ซึ่งถือว่าปัญหาด้านการออมเป็นปัญหาที่มีความสำคัญระดับชาติ เพราะการออมนอกจากจะเป็นเรื่องความมั่นคงส่วนบุคคลแล้ว ยังช่วยลดการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศมาลงทุน ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย
มร. ซี โดนอล คาร์ดีน กรรมการผู้จัดการและประธานบริหาร บริษัท สยามซัมซุง ประกันชัวิต จำกัด กล่าวว่า “การแก้ปัญหาในเรื่องการออม จะต้องเริ่มด้วยการปลูกฝังให้เยาวชนได้ตระหนักถึงการออมและการวางแผนการใช้จ่ายอย่างถูกวิธี รวมทั้งยังส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ และการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริษัท สยามซัมซุง ประกันชีวิต จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการประกันชีวิต ได้เล็งเห็นความสำคัญในการที่จะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทย ได้มีทักษะพื้นฐานด้านการออมและการวางแผนการจัดการด้านการเงิน เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถบริหารจัดการและสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินได้อย่างสมดุล จึงได้ร่วมกับศูนย์หนังสือจุฬา และมูลนิธิรักษ์ไทย จัดโครงการ สยามซัมซุงประกันชีวิต We Love & Share…ตอนหนังสือเพื่อน้อง เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่มีความประสงค์จะส่งต่อความรู้และมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนไทยที่มีความขาดแคลนและอยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งความรู้ด้านการออม ได้ร่วมบริจาคหนังสือใหม่ผ่านโครงการฯ โดยสามารถซื้อหนังสือและร่วมบริจาคได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ทุกสาขา ทั่วประเทศ โดยได้ทำการคัดเลือกหนังสือที่เหมาะกับเด็กและเยาวชนในด้านการออม และสร้างเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว ความขยันขันแข็ง ความสุขกับการใช้ชีวิตแบบธรรมชาติและเศรษฐกิจพอเพียง อาทิ สตางค์ของใครครับ เป็นอะไรดีหนอ ปอแก้วนักสะสม และแนวทางสู่ความสุข โดยจะส่งมอบหนังสือให้แก่โรงเรียนที่มีความขาดแคลนในพื้นที่ อำเภออมก๋อยและอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ รวม 13 โรงเรียน ผ่านทางมูลนิธิรักษ์ไทย ซึ่งทำงานด้านการศึกษาและพัฒนาภาวะผู้นำในพื้นที่ดังกล่าวฯ”
รศ.ดร.ดนุชา คุณพนิชกิจ รองอธิการบดีจุฬาฯ และประธานกรรมการบริหารศูนย์หนังสือจุฬาฯ กล่าวว่า “ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีโครงการห้องสมุดฉบับกระเป๋าสำหรับเด็กและเยาวชนมานานแล้ว และเราก็มีแนวคิดที่จะส่งต่อห้องสมุดฉบับกระเป๋านี้ไปยังโรงเรียนที่ขาดแคลน เพื่อส่งเสริมให้เด็กในโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลได้มีโอกาสอ่านหนังสือดีเช่นเดียวกับเด็กในเมือง ซึ่งหนังสือที่บรรจุอยู่ในห้องสมุดฉบับกระเป๋าล้วนได้รับการคัดเลือกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการอ่านแล้วว่าเหมาะสมสำหรับเด็กในการเสริมสร้างความรู้ ภูมิปัญญา และความเข้าใจในท้องถิ่นให้แก่พวกเขา อันจะเป็นการปลูกฝังรากฐานของการมีนิสัยใฝ่รู้รักการอ่านให้เกิดแต่เยาว์วัย และนำความรู้ที่ได้จากการอ่านไปพัฒนาตัวเอง พัฒนาชุมชน และพัฒนาประเทศชาติต่อไปค่ะ”
พร้อมกันนี้ รศ.ดร.ดนุชา คุณพานิชกิจ ได้กล่าวเชิญชวนต่อไปว่า ... “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ เปิดโอกาสให้ผู้มีจิตศรัทธามาร่วมกันทำความดีส่งมอบความรู้จากหนังสือให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน ด้วยการสมทบทุนทรัพย์ซื้อหนังสือที่คัดเลือกไว้แล้วตามแต่กำลังของท่าน ได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ทุกสาขา ทั่วประเทศ เพราะดิฉันเชื่อเหลือเกินว่า การมอบหนังสือเปรียบเสมือนการมอบอาหารสมอง ที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางจิตใจต่อผู้ให้และผู้รับด้วยค่ะ”
คุณพร้อมบุญ พานิชภักดิ์ เลขาธิการ มูลนิธิรักษ์ไทย กล่าวว่า “โครงการส่งเสริมการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน เป็นอีกหนึ่งในการดำเนินงานหลักของมูลนิธิรักษ์ไทย ที่เราให้ความสำคัญมากว่า 15 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กได้เข้าถึงการศึกษาทั้งใน และนอกระบบอย่างทั่วถึง พัฒนาศักยภาพด้านการศึกษา และสร้างทางเลือกให้กับพวกเขามากขึ้น โดยเฉพาะกับเด็กในพื้นที่เข้าถึงยาก อาทิ เด็กที่อยู่บนดอยภาคเหนือ ชายแดนภาคอีสาน และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในปีที่ผ่านมา มูลนิธิรักษ์ไทย ได้จัดโครงการ 84 พรรษา 84 โรงเรียน ทำดีถวายในหลวง เพื่อโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ เป็นโครงการที่ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้คิดวิเคราะห์ และสร้างกระบวนการให้เด็กมีภาวะความเป็นผู้นำ สามารถตัดสินใจเลือกกิจกรรมหรือโครงงานที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง โรงเรียน และชุมชน โดยเด็กสามารถคิดเอง และลงมือปฏิบัติเองภายในกลุ่มของตนเองที่สนใจในโครงงานเดียวกัน เช่น งานพัฒนาอาชีพที่สามารถช่วยเหลือครอบครัวตนเองได้ เป็นต้น โดยมีครูในโรงเรียนเป็นพี่เลี้ยง
สำหรับโครงการนี้ เราจะนำหนังสือจากการบริจาคไปมอบให้แก่โรงเรียนภายใต้โครงการ 84 พรรษา 84 โรงเรียน ทำดีถวายในหลวง ในอำเภอแม่แจ่ม และอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งหมด 13 โรงเรียน ซึ่งอยู่บนดอยภาคเหนือของประเทศไทย เนื่องด้วยโรงเรียนส่วนใหญ่ขาดแคลนทั้งหนังสือเสริมทักษะต่างๆ หนังสืออ่านนอกเวลา หรือแม้แต่หนังสือเรียน โครงการนี้จะทำให้เด็กๆ ได้รับความรู้จากหนังสือที่เราร่วมกันมอบให้ เป็นการเพิ่มโอกาสให้เด็กได้อ่านหนังสือมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น”
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความรู้ด้านการออมให้แก่เด็กๆ ได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬ่าฯ ทุกสาขาทั่วประเทศ และ www.chulabook.com หมายเลขโทรศัพท์ 0-22189893-5 หรือแผนกกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท สยามซัมซุง ประกันชีวิต จำกัด 0-2308-2245 ต่อ 136 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 ธันวาคม 2555
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ส่วนงานการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท สยามซัมซุง ประกันชีวิต จำกัด -2308-2245 ต่อ 136