9 เทคนิคล้างม็อบหัวใจ สลายเครียดการเมือง

อังคาร ๒๗ พฤศจิกายน ๒๐๑๒ ๑๑:๑๙
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ โดยศูนย์เวชศาสตร์นานาชาติ ห่วงใยประชาชนที่อยู่ในสภาวะเครียดกับสถานการณ์บ้านเมือง น.พ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นาชาติ แนะเทคนิคสะกด สกัด สลายเครียด 9 ข้อคือ

1.มองผู้ที่เสียสละ ทำให้เรามีหัวใจที่แกร่งขึ้นได้ด้วยการมองบุคคลผู้เป็นเสมือน “ไอดอล” แห่งคุณความดี ถ้ายังหาไม่มีให้นึกถึงคุณพ่อ,คุณแม่,ครูอาจารย์,พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หลักในการเลือกไอดอลคือผู้ที่ทำเพื่อคนอื่นก่อนตัวเอง นึกถึงชาติบ้านเมืองก่อนตัวเอง และทำดีเพื่อความดีโดยแท้ไม่ใช่ทำเพื่อกล่องหรืออามิสใดๆ ในเวลาที่เรานึกถึงไอดอลของเราบ่อยๆแล้วเวลาจะทำสิ่งใดรุนแรงขึ้นมาเราจะอดชะงักแล้วถามตัวเองไม่ได้ว่าถ้าเป็นไอดอลของเราแล้วเขาจะทำรุนแรงอย่างเราหรือไม่ การคิดถึงไอดอลจะทำให้เราฉุกใจคิดช่วยดึงชีวิตขึ้นมาจากปากเหวได้

2.อย่าห้ามความคิด บางทีเวลาเครียดแล้วเรา “กลัว” ความคิดเราเอง ลองสังเกตดูอย่างเวลาที่เราเจอเรื่องเครียดแล้วไม่อยากคิดเราจะยิ่งคิด การไม่อยากก็คือความกลัวอยู่ลึกๆไม่อยากเผชิญความเครียดที่เป็นเหมือนยาขม ซึ่งทางที่ถูกง่ายๆก็คือ “จ้องตาเครียด” มองหน้ามันตรงๆให้สมกับที่มันคอยจี้เราอยู่ตลอด ถ้าจะคิดก็ปล่อยให้มันคิดแล้วก็คิดตามมันไปว่าทำไมถึงยังคิด เมื่อตามความคิดไปได้อย่างนี้แล้วประเดี๋ยวมันจะละสายตาจากเราเองเพราะสู้เราไม่ได้

3.พิชิตตัวตน คนเราทุกข์ที่สุดก็เพราะ “ตัว” ลองนึกถึงทุกข์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ได้ เครียดเพราะงานไม่เป็นดังหวังของตัว,เครียดเพราะโรคภัยรุมเร้าตัว,เครียดเพราะไม่ได้ชื่อเสียงเข้าตัว,เครียดเพราะคนรอบข้างไม่เป็นดังหวังของตัว ฯลฯ ทุกอย่างมีดงกำเนิดมาจาก “ตัว” ทั้งนั้น เพราะลึกๆแล้วจิตเราคอยจะเอาตัวนี่เอง เป็นศูนย์กลาง สิ่งที่จะช่วยวางตัวตนได้ดีที่สุดคือให้ “ลืมตัว” ไปเลยแล้วนึกถึงคนอื่นก่อนเป็นหลัก นึกรักคนอื่นก่อนที่จะให้เขามารักตัว นึกกลัวว่าคนอื่นจะเจอปัญหาใหญ่กว่าตัว ถ้านึกได้ดังนี้จะ “วางตัว” ได้ดีที่สุด

4.ฝึกฝนมองให้ลึก อันนี้ต้องอาศัยการฝึก ขออย่าเพิ่งท้อเสียก่อนด้วยการฝึกคิดก่อนเชื่อ ฝึกมองด้วย “ตาใน” มากกว่าตาเนื้อข้างนอก บางทีอาจจะบอกอะไรได้มากกว่าที่คิด วิธีฝึกง่ายๆก็โดยจับสิ่งที่เครียดมาเป็นตุ๊กตาฝึกมองมันให้ลึกว่าเครียดเพราะอะไรแล้วที่สุดจะเห็นว่ามันเป็นของว่าง แม้แต่ก้อนทุกข์นั้นเองในใจกลางก็คือ “ความว่าง” แล้วที่สุดก็จะเหลือคำถามสุดท้ายคือ “จะทุกข์ไปเพื่อความว่างทำไม?” ขอให้อย่าเบื่อฝึกเสียก่อน

5. นึก “ดี” ได้ในทุกสิ่ง การเห็นดีได้เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวก่อนเป็นกำลังใจที่ดี ลองดูจากของกินก่อนก็ได้ แทนที่จะเห็นว่าข้าวแกงจานเดิมที่กินซ้ำซากน่าเบื่อหน่ายก็ให้มองว่าน่าอร่อยจนกินบ่อยๆก็ได้ มองรถติดฝนตกว่าทำให้เราได้ใช้เวลากับตัวเองมากขึ้นแทนที่ทั้งวันจะมอบเวลาให้แต่กับงาน การคุยก็มีให้แต่กับลูกค้า จะได้มีเวลาคุยกับแฟนบ้าง หรือแม้แต่คนที่ไม่สบายอยู่ถ้ามัวแต่มองเข้าตัวว่าทำไมมันถึงเกิดกับเรา ก็ให้เอาความคิดเข้าไปเกาะกับโรคบ้างว่ามันเกิดมาเป็นโรคแล้วทุกข์ไหม น่าจะแย่กว่าเราอีกหนักหนา การฝึกเห็นดีได้ในทุกสิ่งมีบทสอบไล่สุดท้ายที่ต้องผ่านให้ได้คือ “เห็นดีได้แม้ในคนที่ร้ายกับเรา” แล้วจะเอาความทุกข์ที่มีอยู่ทิ้งไปแบบไม่เห็นฝุ่นเลยครับ

6.ยิ่งเครียดยิ่งออกกำลังกาย การสลายเครียดที่ดีสุดไม่ใช่การ “ตะโกนใส่หน้ากัน” หรือขับรถปาดหน้ากันรุนแรงรวมถึงการปะทะคารมปะทะกำลังกันตามที่ต่างๆ เพราะนั่นยิ่งเป็นการสร้าง “แรงกระตุ้น” ให้ไฟโกรธโหมกระพือหนัก ลองหลับตานึกถึงตอนที่ตะโกนสิ เราจะยิ่งจี๊ดยิ่งเครียดใจยิ่งเต้นเร็วจนน่ากลัวว่าจะวาย มาลองเคล็ดลับ “ขยับกาย” กันบ้างดีกว่าเพราะเวลาเครียดจะมีธาตุเครียดมาทำให้หนักๆตัว ถ้าได้ออกกำลังสร้างเหงื่อบ้างจะช่วยล้างธาตุเครียดให้ออกไปกับเหงื่อ

7.ละลายภาพทุกข์ ฝึกดูภาพที่สวยงาม ถามตัวเองก่อนว่าจะมีอายุต่อไปอีกกี่ปี ถ้าตอนนี้อายุ 50 ก็เหลืออีกแค่ไม่ถึง 25 ปีเท่านั้นที่จะเข้าสู่อายุขัยเฉลี่ยของคนไทย จะได้กินข้าวเหนียวมะม่วงอีกกี่ฤดู จะได้กอดลูกที่รักอีกสักกี่ครั้งก่อนเขาจะแยกไปมีครอบครัว เวลาที่มีเหลืออยู่น้อยนี้ไม่ควรมีไปเพื่อเก็บภาพหน้าตาแยกเขี้ยวยิงฟัน ภาพข่าวคนตีกัน ภาพความรุนแรงทั้งมวล ชวนให้ไม่อยากทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยเพราะเราไม่อยากเห็นภาพที่เขาทุกข์เก็บไว้ในใจ ให้ใช้เวลาชีวิตที่เหลือเพียงนิดนั้นเก็บภาพที่สวยงามอย่าง ภาพพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงคุณอันประเสริฐ,ภาพพระราชกรณียกิจ,ภาพหลวงปู่ครูบาอาจารย์ที่เปี่ยมเมตตา,ภาพแม่ชีเทเรซ่า,มหาตมะคานธี,คนทำความดีและวีรบุรุษทั้งหลายไว้ในใจดีกว่า สุดท้ายนี้เทคนิคชวนฝึกก็คือให้เก็บรูปองค์พระปฏิมาที่งดงามไว้ในใจให้ไม่ว่าจะหลับหรือลืมตาก็เห็นพระปฏิมาที่สงบเย็นอยู่ในใจ จะทำให้ไม่อยากทำเรื่องรุนแรงทุกสิ่งเอง

8.ถามใจคนอื่นก่อน เวลาเราเครียดเมื่อถามใจตัวเองแล้วว่าเครียดก็ให้ถามใจคนอื่นด้วย ลองดูความเป็นอยู่ของคนรอบๆตัวท่าน จะเป็นคนที่ท่านรักอย่างคุณพ่อ คุณแม่ ลูกน้อยหรือจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องก็ได้ ให้ดูแลทุกข์สุขให้เขา ถามว่าเขาสุขสบายดีไหม เพราะเขาก็มีหัวใจเหมือนกับท่าน เวลาที่เราเครียดจะเป็นเวลาที่เหมาะสุดในการนึกเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะเราทุกข์อย่างไรเขาก็เป็นเพื่อนมนุษย์ที่ทุกข์เช่นนั้น รวมถึงชีวิตอื่นๆด้วยที่เขาก็รู้จักกลัวทุกข์เหมือนๆกับเรา เทคนิคนี้มีข้อดีที่ได้คือเมื่อได้ดูแลใจคนอื่นจนดีแล้วใจเราจะร่มเย็นทันที 9.ย้อนขอบคุณทุกคน ขอท่านที่รักฝึกขอบคุณให้บ่อยเข้าไว้ครับเพราะการขอบคุณคือการวางตัวตนเราแล้วเอาความสำคัญยกให้คนอื่นเขาบ้าง เป็นเทคนิควางตัวตนไม่ให้เครียดได้ดีมาก แม้คนที่ทำให้ท่านเครียดเขาก็คือ “แบบทดสอบ” ที่น่าขอบคุณเพราะถ้าท่านผ่านได้ท่านก็จะภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

ติดต่อ:

www.tcels.or.th, www.tcels.org 02-6445499

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO